ทำไม? ในยาสมุนไพรมี สเตียรอยด์

“เป็นเรื่องแปลก แม้ว่าจะพบสมุนไพรจำนวนมากในท้องตลาด ที่แอบใส่ สเตียรอยด์ เข้าไป แต่มักจะหาแหล่งผลิตยาก เพราะผู้ผลิตจำหน่ายมักไม่ใช่หมอ (ผลิตเพื่อการค้า) และหมอที่มีความรู้จริงก็ไม่รู้จะใส่สเตียรอยด์เข้าไปเพื่อเหตุผลใด เพราะผิดทั้งกฎหมายและจะถูกยึดใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะได้ ที่สำคัญผู้ป่วยสามารถนำหลักฐานเพื่อร้องเรียนตัวหมอได้ง่าย เพราะมีเจ้าภาพที่เป็นตัวตน”

“ดิฉันรู้ดีว่าคุณหมอไม่ได้ใส่สเตียรอยด์สังเคราะห์เข้าไปในยาจีนหรอกคะ แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าสมุนไพรจีนหลายตัวที่มีผลวิจัยพบว่า มี สเตียรอยด์ ธรรมชาติ ถ้าดิฉันกินเข้าไปจะสะสมทำให้อ้วนหรือเปล่า?

ยาสมุนไพรจีนที่มีสเตียรอยด์ธรรมชาติน้อย มีฤทธิ์ไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างสเตียรอยด์ของร่างกายเองได้อย่างไร

หลักการที่ถูกต้อง ถ้าสเตียรอยด์ที่สร้างโดยร่างกายเอง สามารถปรับการสร้างและผลิตให้เหมาะสมกับภาวะต่างๆ ของผู้ป่วยได้อย่างสมดุลนับว่าดีที่สุด ยาสมุนไพรจีนบางอย่าง ไม่ได้มีฤทธิ์สเตียรอยด์โดยตรง แต่สามารถทำให้ร่างกายเกิดการสร้างสเตียรอยด์ได้ดีในภาวะจำเป็น เช่น ปี พ.ศ.๒๕๓๖ ในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติของจีน พบว่านักวิ่งหญิงจีน 9 คน วิ่งทำลายสถิติโลก สร้างความแปลกใจแก่ผู้สังเกตการณ์ทั่วโลกซึ่งเชื่อว่าเป็นผลของการใช้สารสเตียรอยด์อย่างแน่นอน ภายหลังตรวจสอบไม่พบสารสเตียรอยด์ และนักกีฬาทุกคนก็ไม่มีอาการภายนอกที่แสดงออกของการใช้สเตียรอยด์ โค้ชทีมได้เฉลยข้อข้องใจว่า มีการบำรุงสมุนไพร ตง-ฉง-เซี่ย-เฉ่า ซึ่งมีกลไกออกฤทธิ์ไปกระตุ้นพลังปอด ซึ่งพบว่าสมุนไพรตัวนี้มีบทบาทหลายด้าน เช่น แก้โรคหืด เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจทำให้ร่างกายมีพลัง ทั้งที่ไม่มีสารสเตียรอยด์ธรรมชาติเป็นตัวประกอบหลัก แสดงว่าการออกฤทธิ์ต่อระบบอื่นๆ หลายระบบ หลายอวัยวะแล้วไปมีผลต่อการทำงานของต่อมหมวกไต ทำให้มีการสร้างฮอร์โมนออกมาได้ในยามที่ต้องใช้งานจำเป็นฤทธิ์แบบเดียวกันที่พบในโสมคนหรือโสมไซบีเรียที่มีผลต่อการเสริมพลังการทำงานของหัวใจ การควบคุมระดับ น้ำตาลในเลือด การเสริมการทำงานของต่อมหมวกไต

ข้อแตกต่างระหว่างการใช้สเตียรอยด์สังเคราะห์กับการใช้ยาสมุนไพรจีนคืออะไร

1. สเตียรอยด์สังเคราะห์มักมีขนาดและความแรงมากกว่าสเตียรอยด์ธรรมชาติมาก เมื่อใช้ไประยะเวลาเกินกว่าสัปดาห์ จะเริ่มเกิดอาการต่างๆ ให้เห็นได้ ถ้าใช้นานยิ่งอันตราย

2. สเตียรอยด์จากสมุนไพร มักมีขนาดต่ำและมีสารอื่นๆ อีกหลายตัวเป็นส่วนประกอบในสมุนไพรตัวนั้น การออกฤทธิ์หรือเกิดผลข้างเคียงใช้เวลานานกว่ากันมาก ไม่ได้เน้นปริมาณสเตียรอยด์เพื่อการรักษา สังเกตได้จากการจำกัดขนาดยาที่ใช้

3. สมุนไพรส่วนใหญ่มักใช้เพื่อไปปรับสมดุลของร่างกายร่วมกัน เป็นการรักษาแบบองค์รวม เมื่อระบบต่างๆ ดี กลไกร่างกายสามารถทำงานของมันเองอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถผลิตสเตียรอยด์ใช้งานเมื่อมีภาวะวิกฤติ

4. แพทย์ปัจจุบันใช้สเตียรอยด์เพื่อหวังผลเฉพาะ เมื่อใช้ไประบบต่างๆ จะถูกกดไม่ทำงาน จึงต้องค่อยๆ ลดยาลง เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว

5. การต้องการแก้ปัญหาฉุกเฉินเร่งด่วน คือภาวะขาดแคลนสเตียรอยด์ การช่วยฉุกเฉินควรใช้สเตียรอยด์สังเคราะห์แบบแผนปัจจุบัน แล้วค่อยๆ ลดขนาดลง แต่ถ้าต้องการสร้างสมดุลจากภายในให้ร่างกายค่อยๆ สร้างกลไกที่ดี เพื่อตอบสนองในยามวิกฤติ ต้องใช้สมุนไพรจีน ซึ่งมักต้องใช้เป็นตำรับยาหลายตัวเพื่อเสริมฤทธิ์ ลดพิษ ลดผลข้างเคียง บางกรณีต้องใช้ทั้ง ๒ แผนร่วมกัน เพื่อทดแทนเฉพาะหน้าและเพื่อเสริมสร้างระยะยาว

การใช้สมุนไพรจีนนานๆ จะทำให้มีผลของสเตียรอยด์เหมือนที่เป็นข่าวหรือไม่
ถ้าไม่มีการผสมหรือเติมยา สเตียรอยด์สังเคราะห์ เข้าไปอย่างตั้งใจของผู้รักษา ซึ่งผู้ที่มีความรู้หรือเป็นแพทย์จีนจริงๆ จะไม่เติมยาฝรั่งเข้าไปอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังผิดจรรยาบรรณ และแสดงว่าไม่มีความรู้แพทย์จีนจริง ตามหลักวิชาแพทย์จีน การประกอบตำรับยาและใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง นับว่ามีความปลอดภัยสูง และไม่น่าจะมีปริมาณสเตียรอยด์สูงจนเกิดกลุ่มอาการคุชชิง (ตามที่เป็นข่าว) อีกอย่างการใช้สมุนไพร ต้องปรับลดตัวยาเป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องกับผู้ป่วย ที่สำคัญเน้นการปรับสมดุลมากกว่าเน้นปริมาณสารสเตียรอยด์ธรรมชาติที่เข้าไปแก้ปัญหาตามแพทย์แผนปัจจุบัน เพราะขนาดของยาจะถูกจำกัด และเป็นการใช้ตามหลักการวินิจฉัยแยกแยะภาวะของโรค เป็นภูมิปัญญาที่ปฏิบัติกันมายาวนาน และทดลองในคนมานับพันปี ทำให้สามารถยืนยันจากการใช้ในผู้ป่วยจริง มีความน่าเชื่อถือกว่ายาแผนปัจจุบัน ซึ่งบางอย่างเพิ่งผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการในสัตว์ทดลองเป็นเวลาไม่กี่เดือนไม่กี่ปี

ถ้าสงสัยว่ามียาจีนที่ผสมสเตียรอยด์จริง ควรทำอย่างไร
ส่งตัวอย่างไปที่แผนกสำนักยาและวัตถุเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โทร. ๐-๒๕๙๑-๐๒๐๓-๔ ต่อ ๙๙๑๑๖, ๙๙๑๑๗ หรือที่สมาคมแพทย์จีนในประเทศไทย ๐-๒๒๒๓-๗๗๘๐, ๐-๒๖๒๑-๕๕๘๑ เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าเป็นแพทย์แผนจีนหรือแพทย์แผนไทย ถือว่ามีความผิดทางกฎหมายและทางจรรยาบรรณ ถึงขั้นถอดถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ

สรุป การรักษาด้วยสมุนไพรจีน-สมุนไพรไทยที่กระทำโดยผู้มีความรู้ และเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ จริงจะไม่มีการจงใจใส่ยาพวกสเตียรอยด์ลงไป สมุนไพรตามตำรับที่ใช้ตามหลักวิชาการ ไม่เคยมีรายงานว่าทำให้เกิดผลแทรกซ้อนเหมือนการใช้สเตียรอยด์ และสมุนไพรบางชนิดตามธรรมชาติ แม้ว่าจะมีสเตียรอยด์บ้าง แต่ก็ไม่มีรายงานว่ามีฤทธิ์ขนาดทำให้เกิดกลุ่มอาการคุชชิงได้ที่มีกลุ่มอาการนี้ได้  มักเกิดจากผู้ไม่ใช่หมอและการตั้งใจใส่ยาสเตียรอยด์สังเคราะห์เข้าไป

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง
ยาสมุนไพรจีนมีสเตียรอยด์จริงหรือ? 
สเตียรอยด์คืออะไร?