อาการปวดศีรษะโดยเฉพาะปวดไมเกรนเป็นโรคที่พบได้บ่อย สำหรับบางคนอาจเป็นโรคประจำตัว โดยเฉพาะเวลาเครียดหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ บางครั้งก็ไม่พบสิ่งกระตุ้นหรือสาเหตุที่แน่ชัด แนวทางการรักษาก็คือ การรับประทานยาระงับอาการปวดหรือถ้าเป็นมากเป็นถี่ ก็หายาเกี่ยวกับการกล่อมประสาทมารับประทานเพื่อป้องกันการกำเริบ เป็นโรคที่พบบ่อยและสร้างความรำคาญ รบกวนทั้งสภาพร่างกายและจิตใจไม่น้อย
สาเหตุโรคไมเกรน ในมุมมองแพทย์แผนจีน
เกิดจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก
ปัจจัยภายนอกหรือสิ่งกระตุ้นภายนอก
ได้แก่ ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ที่สำคัญคือ ลม ความเย็น ความชื้น ความร้อน ซึ่งมักจะกระทบส่วนบนบริเวณศีรษะปิดกั้นทางเดินของเลือดและพลัง
ปัจจัยภายใน
- พื้นฐานของร่างกายที่มีอวัยวะภายในอ่อนแอที่สำคัญคือ ตับ ม้าม ไต
การเสียสมดุลของตับมักทำให้เกิดเลือดคั่งพลังติดขัด เกิดไฟร้อนของตับ
การเสียสมดุลของม้ามมักทำให้เสมหะของเสียตกค้าง
การเสียสมดุลของไตมักทำให้สมองขาดการเลี้ยงบำรุง
ปัจจัยภายใน อารมณ์ ทำให้กลไกพลังแปรปรวน ส่งผลต่อการทำงานของตับติดขัด หรือขึ้นบ น การติดขัดของพลังนานๆจะทำให้เกิดไฟ ซึ่งจะรบกวนส่วนบนบริเวณศีรษะ
- อาหาร การกิน เป็นแหล่งกำเนิดของการสร้างเลือดและพลังของร่างกาย การทำหน้าการย่อยดูดซึมอาหารของม้าม กระเพาะอาหารและการรับประทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสมกับสภาพร่างกาย จะทำให้สมองจะได้รับเลือดและพลังอย่างเพียงพอ ตรงกันข้ามถ้าระบบการทำงานและอาหารไม่สอดคล้อง จะทำให้เกิดเสมหะความชื้นตกค้าง ซึ่งจะไปปิดกั้นด้านบนศีรษะเช่นกั้น
- อุบัติเหตุจากการบาดเจ็บกระทบกระแทกบริเวณศีรษะทั้งในอดีตและปัจจุบัน เกิดการติดขัดของพลังและเลือดคั่ง ทำให้เกิดอาการปวด
- การนอนหลับพักผ่อนและการทำงานที่ไม่สมดุล ทำลายสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจและอวัยวะภายใน
ปัจจัยต่างๆข้างต้น เมื่อสะสมตัวนานเข้าทำให้เกิดอีกด้านหนึ่ง คือ ความเสียสมดุลของ อวัยวะภายในตามมา ซ่งจะยิ่งซ้ำเติมและทำให้โรครุนแรงขึ้น
กลไกการเกิดโรค
บริเวณศีรษะเป็นที่ไหลเวียนรวมบรรจบของเส้นลมปราณหยาง 6 เส้น( 头为诸阳之会) เส้นลมปราณเหล่านี้จะไหลเวียนผ่านด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลังอย่างละ 2 เส้น การเปลี่ยนแปลงจากสภาพอากาศภายนอกมักจะกระทบมักเกิดจากลมเป็นปัจจัยหลัก และอาจมีความเย็น ความชื้น ความร้อน ร่วมสมทบด้วย ลมจะกระทบส่วนบนก่อน(บริเวณใบหน้าและศีรษะ) 伤于风者,上先受之
ศีรษะเป็นส่วนที่บรรจุเนื้อสมอง สมองเป็นทะเลของไขกระดูก การหล่อเลี้ยงสมองต้องอาศัยสารจิงและเลือดจากตับและไต อาหารที่ย่อยและดูดซึมจากกระเพาะอาหารและม้าม รวมถึงหน้าที่การขับเคลื่อนกลไกพลังของตับ
การกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอก และความเสียสมดุลของการทำงานของอวัยวะภายใน จะทำให้เกิดเสมหะของเสีย เลือดคั่ง พลังอุดกั้น เกิดการติดขัดของการไหลเวียนเลือดและพลัง การส่งสารอาหารสู่สมอง จะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ
อาการปวดศีรษะด้านข้าง มักเกี่ยวข้องกับการไหลเวียนเส้นลมปราณซ่าวหยาง(วิ่งด้านข้างศีรษะ)ติดขัดเป็นหลัก โดยทั่วไปจะมีปัจจัยกระตุ้นจากภายนอกร่างกายร่วมและความเสียสมดุลภายใน ร่วมกัน
แนวทางการรักษาของแพทย์แผนจีน
ต้องปรับการไหลเวียนเส้นลมปราณ ขับปัจจัยก่อโรค ปรับอวัยวะภายในที่เกี่ยวข้อง และปรับวิถีการดำเนินชีวิต รวมทั้งเลือกรับประทานอาหารเพื่อปรับสมดุลตามสภาพร่างกายในแต่ละคน
การใช้ยาสมุนไพรจีน
- กรณีกระทบลมเย็น ลมร้อน ลมชื้น ใช้ตำรับยาจีนในการขับสิ่งก่อโรคตามอาการและการตรวจพบและการวินิจฉัย ส่วนมากจะเป็นอาการเฉียบพลัน
- กรณีหยางของตับแกร่ง(ความดันโลหิตสูง) ทำให้เกิดลมภายในโจมตีส่วนบน ใช้วิธีการสงบตับดับลมดึงหยางลงล่าง
- กรณีเลือดพร่อง ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง ใช้การเสริมยินบำรุงเลือด
- กรณีเสมหะตกค้างภายใน และปิดกั้นสารอาหารสู่สมอง ใช้การบำรุงม้ามสลายชื้น สลายเสมหะดึงลงด้านล่าง
- กรณีภาวะไตพร่อง ทำให้สารจิงไม่พอหล่อเลี้ยงสมอง ใช้การรักษาโดยการเสริมยินบำรุงไต เติมสารจิงสร้างไขกระดูก
- กรณีเลือดคั่ง ใช้การรักษาโดยการทำให้เลือดเดินสลายเลือดคั่ง เปิดทวารหยุดอาการปวด
การฝังเข็มหรือนวดจุด
นอกจากการฝังเข็มเพื่อปรับสภาพร่างกายตามการวินิจฉัยแบบแผนจีนแล้ว ยังต้องให้การฝังเข็มหรือนวดจุดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและพลังเฉพาะที่ การปวดไมเกรนมักปวดด้านข้าง ต้องให้ความสำคัญกับเส้นลมปราณซ่าวหยาง少阳经ซึ่งวิ่งผ่านด้านข้างบริเวณศีรษะ
การนวดบรรเทาอาการปวดไมเกรน
กดนวดคลึงตำแหน่งละ ๕ นาที สลับกันไป จนอาการปวดบรรเทา
- จุดว่ายกวน外关穴
- จุดเฟิงฉือ风池穴
- จุดเจียนจิ่ง肩井穴
- จุดเลี่ยเชวีย列缺穴
หลักการทั่วไปในการเลือกอาหารป้องกันโรคไมเกรน(偏头痛的食疗原则)
• ภาวะแกร่งหรือคนที่ร่างกายแข็งแรง ออกไปทางลักษณะร้อน ต้องเลือกอาหารที่มีลักษณะไม่หนืดเหนียว ไม่เผ็ดร้อนหรือไม่กระตุ้นเช่น กาแฟ แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต เนยแข็ง ควรกินผักและผลไม้ให้มาก หรือถั่วเขียว ถั่วแดง แตงโม สำหรับขับความร้อน
• คนที่ร่างกายอ่อนแอ ไม่แข็งแรง ควรเน้นการบำรุงเป็นหลัก เช่น ไก่ดำ เนื้อหมู ตับหมู ไข่ อบเชย(ส่วนผสมพะโล้) ลูกบัว เป็นต้น
• อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ไก่ตัวผู้ กุ้ง หอย ปู และอาหารแสลงต่างๆ