ความผิดปกติของร่างกายในมุมมองของแพทย์แผนจีน

โรคนับร้อยมีที่มาจากอารมณ์

“คุณหมอคะ เวลาใกล้มีประจำเดือน หนูจะปวดแน่นเต้านมและชายโครง บางทีคลำได้ก้อน แต่พอหมดประจำเดือน ก้อนที่เต้านมก็หายไปค่ะ หนูจะเป็นมะเร็งหรือเปล่าคะ” “เวลาใกล้มีประจำเดือน หนูมักปวดหัวข้างเดียว แต่บางครั้งเวลาเครียดก็เป็นค่ะ หนูเป็นโรคไมเกรนหรือเปล่าคะ” “เวลามีประจำเดือน รู้สึกอยากกินของเปรี้ยว กินแล้วหายหงุดหงิดค่ะ” หลายๆคำถามที่ยกตัวอย่างมา ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันเราพออธิบายอาการและอารมณ์ความรู้สึกได้ว่า เป็นผลมาจากภาวะการณ์เปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงใกล้มีประจำเดือน ซึ่งส่งผลต่อร่างกายและความแปรปรวนทางจิตใจ ทำให้การแสดงออกของอาการต่างๆ ในผู้หญิงแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในทัศนะแพทย์แผนจีนได้เชื่อมโยงผลกระทบของร่างกายทั้งอวัยวะตันภายในทั้ง 5 (หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต) อวัยวะกลวงภายในทั้ง 6 (กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ซานเจียว) เส้นลดปราณที่สัมพันธ์กับอารมณ์และสิ่งกระตุ้นทั้งมวลอย่างแนบแน่น ตัวอย่างที่จะกล่าวถึงคือเรื่องของอารมณ์ทั้ง 7 กับการเกิดโรค อารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย ประกอบด้วยอารมณ์ 7 อย่างด้วยกัน คือ ดีใจ โกรธ วิตก กังวล เศร้า กลัว ตกใจ (เนื่องจากอารมณ์วิตกกับอารมณ์กังวลมีลักษณะใกล้เคียงกัน และอารมณ์กลัวกับอารมณ์ตกใจก็มีลักษณะใกล้เคียงกัน จึงจัดไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน เหลือเป็นอารมณ์ทั้ง …

โรคนับร้อยมีที่มาจากอารมณ์ Read More »

อาการปวดและการรักษาอาการปวด ด้วยแพทย์แผนจีน

แพทย์แผนจีนอธิบายสาเหตุของอาการปวดเกิดจากการไหลเวียนของเลือดและพลังลมปราณในเส้นลมปราณ (Meridian) ติดขัด ไม่คล่อง : ความคล่อง-ไม่ติดขัด (ของเลือดและพลัง) ทำให้ไม่เจ็บปวดการปวดก็เพราะการติดขัด-ไม่คล่อง (ของเลือดและพลัง) ลักษณะการปวดแบบแพทย์แผนจีน 1. การปวดแบบเคลื่อนที่ เช่นการปวดตามข้อ และเปลี่ยนตำแหน่ง เป็นๆ หายๆ เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เหมือนลม เรียกว่า ปวดแบบลม2. การปวดแบบลึกๆ หนักๆ เหมือนผ้าชุบน้ำ เรียกว่า ปวดแบบความชื้น3. การปวดแบบอักเสบ บวม แดง ร้อน เรียกว่า ปวดแบบร้อน4. ปวดแบบรุนแรงมาก โดยเฉพาะเวลากระทบความเย็น เรียกว่า ปวดแบบเย็น5. ปวดแบบเข็มแทง เฉพาะที่ เป็นมากตอนกลางคืน เรียกว่า ปวดแบบเลือดคั่ง6. ปวดแบบเรื่อยๆ ไม่รุนแรง เป็นมากเวลาอ่อนเพลีย เรียกว่า ปวดแบบร่างกายพร่องอ่อนแอ ตำแหน่งการปวด บอกถึงการกระทบกระเทือน เส้นลมปราณอะไร เช่น 1. ปวดบริเวณหน้าผาก – ปวดเส้นลมปราณหยางหมิง2. ปวดศีรษะด้านข้าง – ปวดเส้นลมปราณซ่าวหยาง3. …

อาการปวดและการรักษาอาการปวด ด้วยแพทย์แผนจีน Read More »

เปรียบเทียบ สาเหตุของการเกิดโรค

เคยกล่าวไปแล้วหลายครั้ง เกี่ยวกับแนวคิดการรักษาแบบแผนจีนกับแผนตะวันตก วันนี้จะขยายความลงรายละเอียด ถึงความแตกต่างของการมองปัญหา เหตุของการเกิดโรคของทั้งสองแผนเหตุแห่งโรคของแผนปัจจุบัน : ความพยายาม ค้นหา “สิ่งที่ทำให้เกิดโรค”Žตำราการแพทย์ของแผนปัจจุบันให้ความสำคัญเกี่ยวกับรักษาโรคเป็นหลัก คนทั่วไปอ่านเข้าใจยาก เพราะจะเน้นหนักไปที่โรคต่างๆ มีสาเหตุจากอะไร ทำให้เกิดโรคได้อย่างไร มีกลไกการเกิดโรค การดำเนินของโรคอย่างไร ใช้ยาเคมีอะไรรักษา ยามีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไรหรือต้องใช้วิธีการอื่น เช่น การผ่าตัด กายภาพบำบัด เป็นต้น ปรากฏว่าปัจจุบันมีโรคจำนวนมากที่มักจะตรวจหาสาเหตุหรือตัวก่อให้เกิดโรคไม่ได้ รู้แต่ว่ามีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง แต่ก็ไม่สามารถฟันธงลงไปได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด สุดท้ายก็สรุปว่าไม่รู้สาเหตุ และให้การดูแลรักษาด้วยการควบคุมและแก้ไขอาการเฉพาะหน้าไป บางรายโชคดีอาจฟื้นตัวหายได้หรือบรรเทาไปได้ ผู้ป่วยอีกจำนวนมากก็ต้องให้ยาควบคุมอาการไปเรื่อยๆ แนวคิดการหาสาเหตุ หรือค้นหาตัวทำให้เกิดโรคเป็นแนวคิดที่มาจากพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์แขนงต่างๆ โดยเฉพาะทางชีววิทยา พยาธิวิทยา ชีวโมเลกุล คือเมื่อมีการค้นพบกล้องจุลทรรศน์มองเห็นเซลล์เนื้อเยื่อ เห็นรายละเอียดของร่างกายสภาพปกติ และมองเห็นร่างกายภาวะไม่ปกติ (มีพยาธิสภาพ) มองเห็นตัวเชื้อโรค เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อรา สิ่งกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ เซลล์ผิดปกติสารก่อภูมิแพ้ในร่างกาย ความผิดปกติของยีน เป็นต้น การรักษาของแผนปัจจุบัน จึงมุ่งเน้นทำลายตัวก่อโรค เช่น ติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อไวรัส ติดเชื้อรา จึงมีแนวทางการศึกษาวิจัยยาใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำลายหรือฆ่าแบคทีเรีย ไวรัสหรือเชื้อรา …

เปรียบเทียบ สาเหตุของการเกิดโรค Read More »

ภาวะร้อนชื้นของตับและถุงน้ำดี คืออะไร?

ผู้ป่วยตับอักเสบ ตับแข็ง นิ่วในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีอักเสบ ที่มาพบแพทย์จีน บ่อยครั้งจะวินิจฉัยว่าเกี่ยวข้องกับภาวะร้อนชื้นของตับและถุงน้ำดี บางรายมาด้วยปัญหาผื่นคัน อักเสบเรื้อรังบริเวณขาหนีบ  บริเวณร่มผ้า  หรือการอักเสบของลูกอัณฑะ  อุ้งเชิงกรานอักเสบ  หรือการอักเสบติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ทางแพทย์จีนจะวินิจฉัยว่าเกิดจากการร้อนชื้นของเส้นลมปราณตับ      ภาวะร้อนชื้น  บ่งบอกถึงการตกค้างของของเสียหรือความชื้นเป็นระยะเวลายาวนาน   แล้วเกิดความร้อนตามมา   ลองมาติดตามดูว่าแพทย์แผนจีนกล่าวถึงเรื่องเหล่านี้อย่างไรบ้าง 1. ภาวะตับ-ถุงน้ำดีร้อนชื้น มีความหมายอย่างไร ?ภาวะที่มีการสะสมความร้อน-ความชื้นของตับและถุงน้ำดีทำให้ระบบการขับระบายของพลังตับและการขับน้ำดีผิดปกติ  เกิดอาการผิดปกติของตับ (กลไกพลังผิดปกติ)        หรือของถุงน้ำดี (ดีซ่าน) หรือของเส้นลมปราณตับ (ตกขาวมีสีเหลือง กลิ่นเหม็น) หรือเส้นลมปราณถุงน้ำดี (ร้อนสลับหนาว)  2. อาการทางคลินิกที่สำคัญของภาวะตับ-ถุงน้ำดีร้อนชื้นคืออะไร ?1. ปวดแน่นชายโครง2. เบื่ออาหาร  คอขม3. ปัสสาวะเหลืองเข้ม  ปริมาณน้อย4. ตรวจพบลิ้นมีฝ้าเหลืองเหนียว  ชีพจรลื่นเร็ว อาการร่วมอื่นๆ1. ร้อนชื้นของตับ: ตัวเหลือง  ตาเหลือง  เบื่ออาหาร  ท้องแน่น  อาเจียน คอขม  ไม่ค่อยถ่ายอุจจาระ  ปัสสาวะเหลืองเข้ม2. ร้อนชื้นของถุงน้ำดี: ปวดชายโครงด้านขวาร้าวไปถึงหัวไหล่ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ไม่ชอบอาหารประเภทมัน เลี่ยน หรือมีก้อนใต้ชายโครงขวา อุจจาระแข็งแห้ง                มีสีขาวเทา  …

ภาวะร้อนชื้นของตับและถุงน้ำดี คืออะไร? Read More »

7 อาการไอ ในมุมมองแพทย์แผนจีน

ปอดเหมือนหลังคาหรือสิ่งปกคลุมอวัยวะจั้งอื่นๆ (肺为华盖)  เปรียบเสมือนเครื่องกำบังสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงภายนอก เช่น ลม แดด ฝน หิมะของรถม้า(车盖)พระที่นั่งของกษัตริย์โบราณ  การเปลี่ยนแปลงภายนอกหรือปัจจัยก่อโรคภายนอกต้องมากระทบสิ่งกำบัง(อวัยวะปอด)ก่อนที่จะบุกรุกไปที่อวัยวะอื่นๆ  ปอดเป็นอวัยวะที่บริสุทธิ์และอ่อนแอ (清虚之体) การเปลี่ยนแปลงของอากาศมีผลกระทบโดยตรงกับการรับความรู้สึกของผิวหนังและอากาศที่เข้าสู่ถุงลม จึงเป็นด่านแรกของการถูกรุกรานจากภายนอกโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของอากาศภายนอก อากาศในปอดไม่บริสุทธิ์ ทำให้กลไกของปอดในการกำกับการแพร่กระจายของชี่  และการกำกับพลังลงล่าง(肺气不清,失于宣肃) หรือหายใจเข้าดูดซับเอาสิ่งดี หายใจออกเอาขับสิ่งที่เสีย(吸清呼浊) เสียหน้าที่ เกิดพลังย้อนขึ้นด้านบนและเกิดเสียงไอ บางครั้งร่วมกับการขากเสมหะ กลไกการเกิดโรค เนื่องจากเหตุแห่งโรคและการปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายต่างกันทำให้มีลักษณะการไอแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแบ่งเป็น สาเหตุมาจากปัจจัยก่อโรคภายนอกเป็นด้านหลัก เช่น ลมเย็น ลมร้อน ความแห้ง การแสดงออกของโรคเป็นแบบเฉียบพลัน รวดเร็ว ระยะเวลาดำเนินของโรคสั้น มักมีอาการไข้ ปวดศีรษะ กลัวความเย็น และไอมีเสมหะ สาเหตุมาจากปัจจัยภายใน คือภาวะเสียสมดุลของการทำงานของอวัยวะภายใน การแสดงออกของโรคเป็นแบบช้าๆ เรื้อรัง ระยะเวลาดำเนินของโรคใช้เวลานาน 7 กลุ่มอาการไอ วินิจฉัยแบบแพทย์แผนจีน 1.ลมเย็นโจมตีปอด(风寒犯肺) อาการสำคัญ  เริ่มต้นไอคันคอ ไอเสียงดัง หายใจเร็ว ขากเสมหะใส เป็นฟอง มีอาการแน่นจมูก น้ำมูกใส ฝ้าบนลิ้นขาวบาง ชีพจรลอย …

7 อาการไอ ในมุมมองแพทย์แผนจีน Read More »

โรคแพ้อากาศ

เป็นโรคแพ้อากาศมา 40 ปี นานขนาดนี้จะมีวิธีรักษาให้หายขาดหรือไม่?ไปหาคำตอบกันครับ คนไข้ : ผมอายุ 65 ปี ผมออกกำลังกายด้วยการเดิน วิ่งเบาๆ ปั่นจักรยานวันละ 30 นาที ทุกวัน สภาพร่างกายแข็งแรงดี แต่มีปัญหาที่จะเรียนปรึกษาคุณหมอคือ ผมเป็นโรคแพ้อากาศตั้งแต่ตอนอายุ 23 ปี ครั้วแรกที่เป็นก็เหมือนเป็นหวัดธรรมดา คัดจมูก หายใจไม่สะดวก มีน้ำมูกหรือบางครั้งก็ข้นนิดๆเท่านั้น จะเป็นไม่เลือกเวลาเช้า กลางวัน เย็น กลางคืน ตี 1 ตี 2 บางครั้งก็นานเป็น 5-6 ชั่วโมง บางครั้งครึ่งวัน บางครั้งเป็นพักเดียวก็หาย ตอนใกล้หายจะมีอาการง่วงนิดหน่อยแล้วก็หาย น้ำมูกที่ออกมาเป็นน้ำใสๆ ทุกวันนี้รักษาด้วยยาจากโรงพยาบาล มันก็เพียงบรรเทาเท่านั้น ไม่หายขาด ไม่เคยปวดหัว ไม่เคยเจ็บที่ดั้งจมูก ไม่ทราบว่ามีวิธีการรักษาแบบแพทย์แผนจีนให้หายขาดหรือไม่ขอความกรุณาคุณหมอช่วยตอบด้วยนะครับ ตอบ : อาการที่เล่ามาเป็นโรคแพ้อากาศ ยาทางแพทย์ปัจจุบันส่วนมากที่ได้รับเข้าใจว่า เป็นยาแก้แพ้ บรรเทาอาการเท่านั้น ในเรื่องแพ้อากาศแพทย์แผนจีนมองว่า นอกจากสาเหตุจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเย็น …

โรคแพ้อากาศ Read More »

12 คาบเวลา ปรับสมดุลตาม นาฬิกาชีวิต

หลักการดูแลสุขภาพให้สอดคล้อง ตามวันเวลา ใน 24 ชั่วโมง สามารถแบ่งได้เป็น 12 คาบ โดยแต่ละคาบเท่ากับ 2 ชั่วโมง พลังลมปราณในร่างกายจะเคลื่อนที่ในพลังลมปราณหลัก 12 เส้นๆ ละ 2 ชั่วโมง เวลาในแต่ละคาบจะมีอวัยวะที่แน่นอนคอยกำกับควบคุมพลังลมปราณ ทำให้เกิดการไหลเวียนของพลังสูงสุดในเส้นลมปราณของอวัยวะนั้นๆที่มีกฎเกณฑ์แน่นอน “วิธีปฏิบัติตัวไร้โรค  12  คาบเวลา” 十二时无病法 1.  子时 (จื่อสือ) ช่วงเวลา 23.00 – 1.00  น. พลังวิ่งในเส้นลมปราณถุงน้ำดีสูงสุด : นอนหลับให้ดี 好好睡觉 เวลานี้เป็นช่วงกำเนิดพลังหยาง คนเราจะง่วงนอนมากก่อนถึงเวลา  23.00 น. พอเลยเวลา  23.00  น. เมื่อพลังหยางเริ่มเกิดมักจะหายง่วงนอนการนอนดึกๆ นานๆ จะทำให้เกิดผลเสียตามมา คือ เกิดโรคนอนไม่หลับ การกินอาหารในช่วงเวลานี้ถือเป็นข้อห้าม เพราะจะทำลายพลังการทำงานของถุงน้ำดีในการขับสารพิษของเสียออกจากร่างกาย 2.  丑时 (โฉ่วสือ) ช่วงเวลา 1.00 – …

12 คาบเวลา ปรับสมดุลตาม นาฬิกาชีวิต Read More »

อาหารสมุนไพร ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว

คนสูงอายุ มักจะมีปัญหาเรื่องของ หลอดเลือดแข็งตัว จากสาเหตุความเสื่อมตามอายุขัยหรือจากโรคความดันโลหิตสูง  โรคไขมันในเลือดสูง  เบาหวานที่เป็นมาหลายปีแม้ว่าจะได้รับการบำบัดดูแลรักษาอย่างดีด้วยยามาอย่างต่อเนื่องก็ตาม หลอดเลือดแข็งตัว  ทำให้อวัยวะสำคัญๆ เกิดปัญหาได้ง่าย  เช่น สมอง หัวใจ และไต ถ้าหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองแข็งตัว  มีโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก เกิดอัมพฤกษ์ – อัมพาต อีกทั้งทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้ง่าย, ถ้าหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจแข็งตัว ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน จะทำให้หัวใจขาดเลือด, ถ้าหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไตเสื่อมแข็งตัว ทำให้ไตฝ่อ ไตทำหน้าที่น้อยลงเกิดภาวะไตวาย และในกรณีที่หลอดเลือดทั่วร่างกายแข็งตัว  อวัยวะทุกส่วนของร่างกายขาดเลือดหล่อเลี้ยง   เกิดอาการไม่สบายทั้งตัว  ปลายมือปลายเท้าชา  กล้ามเนื้ออ่อนแรง ร่างกายอ่อนเพลีย ดังนั้นการดูแลหลอดเลือดให้แข็งแรง ยืดหยุ่น จึงเป็นการดูแลสมอง หัวใจ และสุขภาพโดยรวมด้วย ปรมาจารย์แพทย์จีน หลี่สือเจิน ( 李时珍)  กับเคล็ดลับอาหาร ป้องกันรักษาโรคสมอง 1. เก๋อเกิน  (葛根) บางคนเรียกว่า โสมภูเขา  ( 山人参 ) มีสรรพคุณสำคัญ คือ เสริมธาตุน้ำ  ขยายหลอดเลือด …

อาหารสมุนไพร ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว Read More »

ทำไมคน ความดันโลหิตสูง ชอบกินเค็ม?

หลายคนมีคำถามว่า ทำไมคนที่มีความดันโลหิตสูงจึงชอบอาหารที่มีรสจัดหรือรสเค็ม? ประเด็นนี้ แพทย์แผนจีนมองว่าคนที่มีความดันโลหิตสูงมักจะชอบรสเค็ม ไม่ใช่เพราะกินรสเค็มเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง แต่คนที่เป็นความดันโลหิตสูงมีพื้นฐานความพร่องของพลังตับและไต คนปกติสุขภาพดีสามารถกระตุ้นพลังไตโดยไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารรสเค็มหรือปรุงรสแต่พอควรได้ แต่คนที่อวัยวะภายในเสื่อมลง(ตัวอย่างเช่น คนที่เป็นโรคเรื้อรัง คนสูงอายุ) จะเบื่ออาหาร การรับรสชาติลดน้อยลง จึงต้องการอาหารรสจัด รสเข้มข้นมากระตุ้นร่างกาย รสเค็มเข้าเส้นลมปราณไต คนที่พลังหยวนชี่อ่อนแอจึงมีความต้องการรสเค็มไปกระตุ้นการทำงานของไตมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามการสร้างนิสัยรับประทานอาหารเค็มเป็นประจำมากเกินไป ก็มีผลต่อความอ่อนแอของไตในระยะยาว  สำหรับการดูแลป้องกันและดูแลตนเองในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ทำได้ดังนี้ ควบคุมอารมณ์ ควบคุมกลไกพลังของร่างกาย ทำให้อวัยวะภายในทำงานปกติ ฝึกสงบจิตอารมณ์ การหยุดจิต สงบอารมณ์ ปิดตา เป็นการควบคุมพลังหัวใจ(รวมถึงการพักสมอง) ดึงเลือดกลับสู่ด้านล่าง คลายหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย ฝึกหายใจลึกเข้าถึงช่องท้อง เคลื่อนไหวกระบังลม ช่วยกระตุ้นอวัยวะภายใน โดยเฉพาะ ม้ามและไต มั่นขมิบก้น เป็นการเสริมพลังไต และดึงพลังลงล่าง ดูแลอาหารการกิน หลีกของมันจัด หวานจัด เค็มจัด พยายามไม่กินอาหารรสจัดเกินไป พักผ่อนเพียงพอ  ไม่นอนดึก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ห้ามหักโหมจนเกินไป ความดันค่าล่าง กับความดันค่าบน ความดันโลหิตค่าบนสูง เป็นความดันที่มักพบในผู้สูงอายุ สัมพันธ์กับความเสื่อมและการแข็งตัวของหลอดเลือด ภาวะไขมันในเลือดสูง ทำให้ขาดความยืดหยุ่น หลอดเลือดฝอยส่วนปลายขยายตัวได้น้อย  …

ทำไมคน ความดันโลหิตสูง ชอบกินเค็ม? Read More »

จิงของไต ไม่พอ

“ลูกของดิฉันมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กอื่น ให้คุณหมอเด็กที่โรงพยาบาลตรวจรักษา หมอบอกว่าเป็นความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมนการเจริญเติบโตตอนนี้ได้ฮอร์โมนรักษาดีขึ้นมาก คุณหมอนัดดูแลให้เป็นระยะๆ อยู่”Ž“ผมกับภรรยาไปปรึกษาแพทย์เรื่องมีบุตรยาก แต่งงานกันมาเกือบ 5 ปี ยังไม่มีบุตรเลย ทั้งที่ไม่ได้ คุมกำเนิด หมอตรวจน้ำเชื้อผมแล้วบอกว่า เชื้ออ่อน ปริมาณน้อย ไม่แข็งแรง ส่วนประจำเดือนของภรรยาผมก็ไม่แน่นอน หมอนัดไปปรึกษาวางแผนการรักษา ที่โรงพยาบาล แต่บางคนก็แนะนำให้ไปหาหมอจีน เพราะได้ข่าวจากเพื่อนคนหนึ่งว่า ยาจีนสามารถรักษาภาวะมีบุตรยากได้ ผมก็ยังไม่เข้าใจอะไร กำลังตัดสินใจอยู่”Ž“ไม่ได้พบเขาตั้งนาน เขาเปลี่ยนไปมาก หน้าตาแก่ไปเยอะ ความจำเสื่อม ขาก็ไม่มีแรง ผมร่วง ผมขาว เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ทั้งๆ ที่อายุ 50 เศษๆ เอง ผมแนะนำให้เขาไปซื้อยาบำรุงชะลอความแก่ ตำรับยาจีนมากิน เพราะว่าเขาเป็นโรคไตเสื่อม”Žปัญหาเรื่องการเติบโตช้า วัยเจริญพันธุ์ (ช่วงที่สามารถสืบพันธุ์) ไม่สามารถผลิตเชื้อหรือระบบประจำเดือนผิดปกติ รวมทั้งความเสื่อมชราเร็วกว่ากำหนด มักมีปัจจัยเรื่องของฮอร์โมนภายในร่างกายเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่มาก ภาษาแพทย์จีนเรียกว่า “ภาวะจิงของไตไม่พอ” หรือ “ภาวะจิงของไตพร่อง” 1. ความหมายและสิ่งตรวจพบของ “จิงของไตไม่พอ”Žอาการจิง เป็นสารสุดยอดของร่างกาย เก็บสะสมที่ไต (เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนต่างๆ ของร่างกาย) จิงของไตมีมาแต่กำเนิด (จากพันธุกรรม) …

จิงของไต ไม่พอ Read More »

ดูแลสุขภาพด้วยการ ถูฝ่ามือกับฝ่าเท้า

แพทย์จีนนามอุโฆษฉายา “ ราชาสมุนไพร 药王” อายุยืนยาว 141 ปีแห่งราชวงศ์ถังซุนซือเหมี่ยว孙思邈 ( ปีคศ. 541-คศ.682)เคล็ดลับคือท่านใช้เทคนิคการดูแลสุขภาพ 13 วิธี“ 养生十三法”ในการดูแลตัวเองทุกวันหนึ่งในวิธีนั้นคือเทคนิคการถูฝ่ามือกับฝ่าเท้า(手心搓脚心) เทคนิคการถูฝ่ามือกับฝ่าเท้า การใช้ใจกลางฝ่ามือถูกับใจกลางฝ่าเท้า(手心搓脚心) กลางฝ่ามือของคนเรามีจุดฝังเข็มคือ จุดเหลากง(劳宫穴)เป็นจุดของเส้นลมปราณเยื่อหุ้มหัวใจ เป็นตัวแทนของหัวใจปลายนิ้วกลางเป็นจุดปลายของเส้นลมปราณนี้ เรียกว่าจุด จงชง(中冲穴) เอาเท้าขวาพาดบนหน้าตักซ้าย หงายฝ่าเท้าขวาขึ้น ให้เอามือ 2 ข้างมาถูกัน ให้ปลายนิ้วกลางถูกันผ่านจุดเหลากง(劳宫穴)จนเกิดความร้อน ใช้ฝ่ามือซ้ายถูกลางฝ่าเท้าขวา แล้วเอาไปถูใจกลางฝ่าเท้า ซึ่งมีจุดหย่งเฉวียน(涌泉穴)ซึ่งเป็นจุดของเส้นลมปราณไต ถูขึ้นลง 100 ครั้งจนเกิดความร้อน จากนั้นสลับเอาเท้าซ้ายพาดบนหน้าตักขวา หงายฝ่าเท้าซ้าย ใช้ฝ่ามือขวาถูกลางฝ่าเท้าซ้าย ขึ้นลง 100 ครั้งจนเกิดความร้อนเช่นกัน ทำให้พลังส่วนบนและส่วนล่างถ่ายเทถึงกัน  เวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงเช้าตื่นนอน และก่อนนอน หลังจากถูฝ่ามือกับฝ่าเท้าเสร็จ 30 นาที ให้ดื่มน้ำอุ่นๆ 1 แก้ว โดยทั่วไปใช้เวลาทำครั้งละประมาณ 10 นาที ติดต่อกันทุกวัน      หมายเหตุ: –  …

ดูแลสุขภาพด้วยการ ถูฝ่ามือกับฝ่าเท้า Read More »

เทคนิคการ ถูฝ่ามือกับฝ่าเท้า

ช่วงโควิด-19 ระบาดตั้งแต่ ปลายปี 2562 จนถึงขณะนี้ปลายปี 2564  กินเวลาร่วม 2 ปี  ก็ยังมีความไม่แน่นอนของความรุนแรงที่อาจจะเกิดการระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์จากแอฟริกาตัวใหม่ชื่อโอไมครอน  ซึ่งการได้รับวัคซีนชนิดต่างๆที่ผ่านมาอาจไม่ครอบคลุมทำให้เราต้องย้อนกลับมาทบทวนถึงหลักการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนและการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันที่มาแต่กำเนิด( Innate immunity ) เพราะได้ประจักษ์ชัดแล้วว่าเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมาทุกสายพันธุ์มักจะคร่าชีวิตคนสูงอายุซึ่งเป็นวัยที่สุขภาพเสื่อมโทรมและผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่นความดันโลหิตสูงหลอดเลือดหัวใจตีบหัวใจเต้นผิดจังหวะเบาหวานไตเรื้อรังผู้ป่วยฟอกไตและปลูกถ่ายไตหอบหืดปอดอักเสบเรื้อรังตับแข็งตับอักเสบเรื้อรังภูมิคุ้มกันบกพร่องโรคอ้วนเป็นต้นสำหรับคนที่มีพื้นฐานสุขภาพที่ดีมีการสร้างเสริมความสมดุลของร่างกายอย่างสม่ำเสมอมีภูมิคุ้มกันที่ดี  เมื่อมีการติดเชื้อมักมีอาการไม่รุนแรงเป็นแล้วรักษาก็หายไวไม่มีภาวะลองโควิดเวลาฉีดวัคซีนก็มักไม่มีภาวะผลข้างเคียง ความสนใจในการสร้างเสริมสมดุลอย่างง่ายๆจึงมีความจำเป็นในภาวะปกติและภาวะที่มีการระบาดของโรคเพราะเป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างได้ด้วยตัวเราเองเป็นการกระตุ้นกลไกป้องกันตนเองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่ต้องเฝ้ารอหวังพึ่งวัคซีนหรือยารักษาอย่างเดียวเพราะวัคซีนและยาต้องตามหลังการระบาดของเชื้อเสมอและก็ไม่รู้ว่าจะมีผลต่อร่างกายตามมาระยะยาวมากน้อยเพียงใด แนวคิดการดูแลสุขภาพมีโรคทุกด้านต้องปรับส่วนกลาง“四边有病中间平” ชีวิตจริงเมื่อเผชิญกับภาวะวิกฤติเกิดปัญหาทุกองคาพยพทุกภาคส่วนขององค์กรหน่วยงานเป็นการบ่งบอกถึงผลกระทบที่เป็นองค์รวมหรือเป็นปัญหาร่วมการแก้ไขปัญหาต้องมุ่งเน้นไปที่ศูนย์กลางศูนย์รวมศูนย์บัญชาการแพทย์แผนจีนก็ใช้หลักคิดนี้ในการดูแลรักษาสุขภาพเช่น ม้ามควบคุมแขนขา (脾主四肢) ม้ามเป็นอวัยวะที่เป็นแกนกลางของอวัยวะภายในของร่างกายเป็นแหล่งกำเนิดสร้างเสริมพลังเลือดและกล้ามเนื้อของร่างกายทางคลินิกผู้ป่วยที่อ่อนเพลียไม่มีพลังแขนขาอ่อนแรงไม่ว่าจากสาเหตุใดๆรวมถึงคนไข้มะเร็งหลังผ่าตัดให้เคมีบำบัดทำให้เบื่ออาหารร่างกายทุกส่วนได้รับผลกระทบโดยรวม  การแก้ไขเร่งด่วนต้องหันกลับมาแก้ไขส่วนกลางคือระบบม้ามกระเพาะอาหาร (ระบบย่อยดูดซึมอาหาร) แหล่งกำเนิดทุนที่ 2  (ทุนแรกมาแต่กำเนิดคือไต) เพราะถ้าไม่สามารถได้อาหารมาแปรเปลี่ยนเป็นเลือดและพลังในการฟื้นฟูร่างกายและต่อสู้กับโรคแล้วนั้นคือสัญญานของการดำรงอยู่ของชีวิตและการพ่ายแพ้ต่อโรคภัยไข้เจ็บที่คุกคามอยู่     จุดศูนย์กลางรวมของเส้นลมปราณและจุดเชื่อมกับพลังแวดล้อมภายนอก 3 จุด จุดไป่ฮุ้ย百会 เป็นจุดกลางกระหม่อม จุดหย่งเฉวียน涌泉คือจุดกลางฝ่าเท้า จุดหลาวกง劳宫คือจุดกลางฝ่ามือ จุดไป่ฮุ้ย (百会) อยู่ศีรษะสังกัดส่วนบนคือจุดเชื่อมฟ้าหัวใจแห่งฟ้า(天心百会) ศีรษะอยู่ส่วนบนสุดของร่างกายคือส่วนที่เป็นหยางเป็นที่บรรจบรวมของเส้นลมปราณหยางทั้ง 12 เส้น  ชื่อจุดไป่ฮุ้ย (百会) จึงมีความหมายว่าเป็นที่บรรจบของเส้นลมปราณหยางหรือบ่งบอกว่าโรคทั้งมวลก็สามารถรักษาได้ (此穴百病都会治) จุดหย่งเฉวียน (涌泉) อยู่ที่ฝ่าเท้าสังกัดส่วนล่างคือจุดเชื่อมดินหัวใจแห่งดิน(地心涌泉) ฝ่าเท้าอยู่ส่วนล่างสุดของร่างกายคือส่วนที่เป็นอินเป็นจุดตั้งต้นของเส้นลมปราณไตเกี่ยวข้องกับการควบคุมเมทาบอลิซั่มของน้ำและเกลือแร่การขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายรวมถึงระบบต่อมไร้ท่อฮอร์โมนของร่างกายอวัยวะไตยังเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินปัสสาวะการปวดเข่าเมื่อยเอวขาอ่อนแรงแพทย์จีนมองว่าคนเสื่อมชราเริ่มต้นจากเสื่อมที่ขาไตเป็นเสมือนรากของต้นไม้ถ้ารากไม่แข็งแรงต้นไม้ก็จะเริ่มเสื่อมทรุดการรักษาต้องเริ่มที่ขา (人老脚先老,治病先治脚) จุดหย่งเฉวียนเป็นจุดกลางฝ่าเท้าเป็นจุดศูนย์กลางของเท้า จุดหลาวกง(劳宫) อยู่ส่วนแขนสังกัดส่วนกลางของคือจุดเชื่อมคนหัวใจแห่งคน(人心劳宫) …

เทคนิคการ ถูฝ่ามือกับฝ่าเท้า Read More »

รังนก สุดยอดอาหารบำรุงสุขภาพ

คนจีนได้จัดอาหารที่มีรสชาติสุดยอดไว้ 4 อย่าง ได้แก่ หูฉลาม รังนก อุ้งตีนหมี และเป๋าฮื้อ (鱼翅燕窝、熊掌、鲍鱼)   นอกจากนี้ รังนก ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารบำรุงสุขภาพชั้นดีที่ใช้ในผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร บำรุงปอด บำรุงพลัง เสริมภูมิคุ้มกัน ฯลฯ ความเชื่อนี้ทำให้รังนกเป็นที่นิยมในหมู่คนที่มีฐานะ รวมถึงเวลาไปเยี่ยมเยือนผู้ป่วย มักจะซื้อรังนกไปฝาก เพราะเชื่อว่าเป็นของดี มีคุณค่า คุ้มค่าต่อการลงทุนเพื่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของแพทย์แผนปัจจุบัน ก็มีความเห็นที่แตกต่างจากความเชื่อดังกล่าว เช่น จากการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับคุณค่าของรังนก 1 ขวด ที่มีวางจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด พบว่า มีปริมาณโปรตีนน้อยมาก เมื่อเทียบกับไข่ไก่ 1 ฟอง (มีโปรตีน 6.5 กรัม) หรือนมหนึ่งกล่อง (8.5 กรัม) จะพบว่าการกินรังนก 1 ขวดจะได้ปริมาณโปรตีนเท่ากับการดื่มนม 1/64 กล่องเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มค่าทั้งในแง่คุณภาพและราคาต่อการบำรุงสุขภาพ ข้อถกเถียงดังกล่าวมาจากสาเหตุที่รังนกมีราคาแพงมาก มีการทุ่มการโฆษณาสูง ดังนั้น ผู้บริโภคมีความคาดหวังสูง และต้องกินต่อเนื่องระยะหนึ่งจึงจะเห็นผล จึงต้องลงทุนสูง …

รังนก สุดยอดอาหารบำรุงสุขภาพ Read More »

ฝังเข็มลดความอ้วน ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์

มีการศึกษาิจัยมากมายจากหลากหลายสถาบัน ที่เกี่ยวข้องกับการฝังเข็มลดความอ้วน ไปดูกันเลย 1. การวิจัยของคณะแพทย์แผนจีนแห่งมหาวิทยาลัยนานกิงเกี่ยวกับ ผลของการฝังเข็มที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง กับการสลายไขมันและการเก็บไขมันของร่างกายพบว่า คนอ้วนโดยส่วนใหญ่จะมีระดับน้ำตาลในเลือดค่อนข้างสูงกว่าคน ปกติ ซึ่งเป็นการสะท้อนว่า ร่างกายจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) จากตับอ่อนสู่ระบบเลือดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการเก็บสะสม ไขมันของร่างกายมากในขณะเดียวกัน คนอ้วนจะมีระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการสลายไขมันเป็นพลังงานในเลือด คือ อะดรีนาลิน และคอร์ติโซนต่ำกว่าปกติ ทำให้ไขมันสะสมในตัวมากผลจากการฝังเข็มในคนอ้วน 44 ราย อายุระหว่าง 17-48 ปี พบความเปลี่ยนแปลงที่นัยสำคัญ คือ ระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลง (ไขมันสะสมตัวน้อยลง) และระดับอะดรีนาลิน คอร์ติโซนเพิ่ม สูงขึ้น (ไขมันถูกสลายเป็นพลังงาน มากขึ้น) ซึ่งสอดคล้องกับการลดลงของน้ำหนักตัวของผู้ป่วยสรุปว่า การฝังเข็มมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงกลไกของฮอร์โมน ต่อการสะสมและสลายไขมันของร่างกาย 2. การศึกษาของแผนกฝัง เข็ม มหาวิทยาลัยแพทย์จีนกวางสี กับคนอ้วน 50 ราย พบว่าการฝังเข็ม สามารถลดระดับโคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ (TG) ระดับน้ำตาล ในเลือด (CH) ไขมันที่มีความหนา แน่นต่ำ (LDL-C) อย่างมีนัยสำคัญ 3. การศึกษาทั้งสองเชื่อว่า ฝังเข็มมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนและการกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ เพื่อการปรับสมดุลการลดลงของน้ำตาลและไขมัน …

ฝังเข็มลดความอ้วน ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ Read More »

อากาศแปรปรวนกับสุขภาพ ในมุมมองแพทย์แผนจีน

ในช่วงนี้ มีความแปรปรวนของพลังชี่ของอากาศอย่างมาก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝนตก โอกาสที่คนจะเกิดโรคจากพลังชี่ของอากาศมากเกินไป หรือที่เรียกว่าเสียชี่ (邪气) หรือหยินชี่ (淫气) ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยของตัวอากาศเอง และการปรับสมดุลของร่างกาย บางครั้งพลังชี่ที่แปรปรวนอาจจะไม่ใช่เสียชี่ (邪气) สำหรับคนหนึ่ง แต่คนที่ร่างกายปรับตัวไม่ได้ ทำให้เกิดโรค ก็ถือว่าเป็นเสียชี่ (邪气) สำหรับคนนั้น ซึ่งแพทย์จีนมีมุมมองแตกต่างกันกับแพทย์แผนปัจจุบัน โดยเฉพาะสาเหตุการเกิดโรค ในขณะที่ แพทย์แผนปัจจุบัน เนื่องจากลงไปในรายละเอียดเป็นรูปธรรมจึงแยกแยะสาเหตุของการเกิดโรคได้มาก แล้วแต่จะมองมุมไหน ตั้งแต่ตัวเชื้อโรค ดีเอ็นเอ ยีน หรือการผิดปกติของสารชีวเคมี เอนไซม์ ฮอร์โมน เซลล์ ฯลฯ แผนจีนแบ่งสาเหตุของโรคเพียง 4 ประเภทเท่านั้น คือ 1.    เหตุจากภายนอก คือ พลังชี่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงพลังชี่ของธรรมชาติ ภูมิอากาศ ฤดูกาล ภูมิประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อพลังชี่ของร่างกายตลอดเวลา โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของชี่ที่รวดเร็ว รุนแรง หรือมากเกินไปจนเกิดการปรับตัวไม่ทันของร่างกาย 2.    เหตุจากภายใน คือ ภาวะของอารมณ์ทั้ง ๗ ของร่างกายที่แปรปรวนรุนแรง รวดเร็ว และยาวนาน รวมทั้งการกินอาหาร …

อากาศแปรปรวนกับสุขภาพ ในมุมมองแพทย์แผนจีน Read More »