แพทย์แผนจีน

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง กับการรักษาแบบแพทย์แผนจีน

โรคมัยแอสทีเนีย กราวิส (myasthenia gravis) หรือ ‘โรคเอ็มจี’ เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อเล็กๆ บริเวณใบหน้า โดยอาการทั่วไปนั้น ผู้ป่วยบางคนมีอาการหนังตาตก ถ้าเป็นมากอาจจะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อทั่วตัว รวมทั้งกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการหายใจ ผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงทั่วๆ ไป กลืนลำบาก สำลักอาหาร ถ้าเป็นมากอาจถึงกับหายใจไม่ได้ ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ เป็นโรคเรื้อรัง อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อเป็นๆ หายๆ ชนิดที่พบบ่อยที่สุด จะเกิดในผู้ใหญ่ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ถ้าอาการเริ่มเป็นหลังอายุ 40 ปี จะพบในเพศชายมากกว่าหญิง โรคนี้พบร่วมกับโรคลูปุส เช่นเดียวกับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เดิมทีเดียวโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงนี้ ถือเป็นโรคที่มีอัตราการตายสูงมากตั้งแต่ร้อยละ 30-70 แต่หลังจากการค้นพบยาซึ่งสามารถรักษาอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ รวมทั้งพบว่าผลการรักษาโดยการผ่าตัดต่อมไธมัสได้ผลดี จึงทำให้อัตราการตายของผู้ป่วยโรคนี้ลดลงเรื่อยๆ โรคนี้มีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆด้วยกันคือประเภทที่เป็นเฉพาะที่คืออาจจะเป็นที่ตา ทำให้ไม่มีแรงลืมตา หนังตาตก อาจเป็นข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ทำให้มีลักษณะคล้ายคนง่วงนอน เห็นภาพซ้อนจากกล้ามเนื้อตาที่อ่อนแรง ถ้าพูดถึงตามหลักการแพทย์แผนจีนนั้นก็เหมือนกับการที่ร่างกายใช้พลังไประยะหนึ่ง อย่างเช่นในขณะที่เพิ่งตื่นนอนก็ยังไม่เท่าไหร่  แต่พอเราออกกำลังกายหรือใช้พลังไปสักระยะหนึ่ง พลังก็ตก ทำให้ตาลืมไม่ขึ้น  บางคนก็มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการกลืน ทำให้กลืนอาหารไม่ได้ เคี้ยวข้าวก็ลำบาก บางครั้งมีอาการสำลักอาหารบ่อยๆ  …

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง กับการรักษาแบบแพทย์แผนจีน Read More »

กล้วยหอม ในทัศนะแพทย์แผนจีน

กล้วยหอมเป็นผลไม้เมืองร้อน พบได้ทางตอนใต้ของประเทศจีน เช่น มณฑลฝูเจี้ยน กวางตุ้ง ยูนนาน กล้วยหอมสุกมีส่วนประกอบของแป้งร้อยละ 0.5 โปรตีนร้อยละ 1.3 ไขมันร้อยละ 0.6 น้ำตาลร้อยละ 11 นอกจากนี้ยังมีวิตามิน เอ บี ซี อี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก รวมถึง 5-ไฮดร็อกซีทริปทามีน (5-hydroxytryptamin) นอร์อะดรีนาลิน (noradrenaline) และโดพามีน (dopamine) ในปริมาณเล็กน้อย ในทัศนะแพทย์แผนจีน กล้วยหอมมีรสหวาน ฝาดเล็กน้อย รสเย็นมาก เข้าเส้นลมปราณ ปอด และลำไส้ใหญ่ สรรพคุณ 1. เนื่องจากฤทธิ์เย็นและเข้าเส้นลมปราณปอด จึงมีการนำกล้วยหอมมาใช้รักษาโรคร้อน กระหายน้ำ (การถ่ายทอดสดกีฬาเทนนิสจากต่างประเทศ มีนักกีฬาระดับโลกหลายคนช่วงพักระหว่างการแข่งขัน หยิบกล้วยหอมขึ้นมากิน) แผลอักเสบ บวม แก้เมาเหล้า ไอเรื้อรัง 2. เข้าเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ ทำให้ลำไส้ใหญ่ไม่แห้ง แก้ท้องผูก ถ่ายเป็นเลือด 3. …

กล้วยหอม ในทัศนะแพทย์แผนจีน Read More »

อาหารสมุนไพรจีน สำหรับ ภาวะง่วงนอนและหลับมากผิดปกติ

เรื่องของความผิดปกติของการนอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นการนอนไม่หลับ ฝันบ่อย การหลับมากผิดปกติ แพทย์แผนจีนมองว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับอวัยวะภายในของร่างกายทั้งสิ้น การรักษาภาวะดังกล่าวจึงต้องใช้หลักการปรับสมดุลตามสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล แพทย์แผนจีนอธิบายว่า “พลังเว่ยชี่เคลื่อนออกสู่ภายนอก(เส้นลมปราณหยาง)ก็ทำให้ตื่น  พลังเว่ยชี่เคลื่อนเข้าสู่อวัยวะภายใน ก็ทำให้นอนหลับ” (卫气行于阳则寤,卫气行于阴则寐  ) ช่วงกลางวัน ธรรมชาติของพลังแสงอาทิตย์จะส่งเสริมการขับเคลื่อนพลังเว่ยชี่ (卫气)ของร่างกายออกสู่ภายนอก  ช่วงกลางวันคนส่วนใหญ่จึงมีการตื่นนอนและความกระปรี่กระเปร่า ช่วงเวลากลางคืนพลังเว่ยชี่(卫气)จะเคลื่อนไหวกลับเข้าสู่ภายใน  ทำให้ร่างกายภายนอกขาดความตื่นตัวเข้าสู่ภาวะง่วงเหงาหาวนอนอยากจะหลับ กล่าวสำหรับคนที่มีภาวะง่วงนอนและหลับมากผิดปกติ มักพบในคนอ้วนคนอ้วนซึ่งจำแนกตามศาสตร์แพทย์แผนจีนที่พบบ่อยมีอยู่ 2 ประเภท 1. คนอ้วนประเภทเสมหะความชื้นภายในตกค้างสะสม (痰湿内盛) เนื่องจากระบบม้ามอ่อนแอ ทำหน้าที่ในการย่อยและลำเลียงอาหารได้ไม่ดี หรือเรียกว่าพลังส่วนกลางพร่อง  ทำให้การลำเลียงสารอาหารที่ย่อยสลายไปสู่ส่วนบนไม่ดีพอ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ พลังเว่ยชี่(卫气)ที่อยู่ภายนอกจะถูกดึงจากภายนอกเพื่อไปช่วยในการย่อยดูดซึมและลำเลียงอาหารทำให้พลังที่ผิวภายนอกลดลงอย่างมาก   ผลที่ตามมาคือเกิดการง่วงนอน ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอาการอื่น ๆ ร่วมเช่น สีหน้าไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ศีรษะและหนังตาจะหนักๆ  หน้าอกหน้าท้องมักจะแน่นอึดอัด เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย  2. คนอ้วนประเภทหยางหัวใจและไตพร่อง (心肾阳虚) ขาดพลังความร้อน-ทำให้เกิดความอบอุ่นกับร่างกายผู้ป่วยมักมีใบหน้าขาดความมีชีวิตชีวา อ่อนเพลีย ไม่ค่อยอยากจะเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายเพราะเหนื่อยง่าย แขนขามักจะเย็น ชีพจรเล็ก ไม่มีกำลัง ร่างกายอ่อนแอ เมื่อพลังโดยรวมของร่างกายน้อยลง พลังเว่ยชี่(卫气) เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวและการใช้ขับเคลื่อนกิจกรรมการดำเนินชีวิตในภาวะปกติก็น้อยลงด้วย  จึงทำให้เกิดอาการง่วงนอนตลอดเวลา  ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักเป็นคนที่มีโรครุนแรงมาก่อน แล้วไม่รับการดูแลฟื้นฟูที่ดีพอ …

อาหารสมุนไพรจีน สำหรับ ภาวะง่วงนอนและหลับมากผิดปกติ Read More »

อาหารสุขภาพสำหรับ ผู้ป่วยโรคไต

ไตในความหมายแพทย์จีน มีความหมายที่กว้างไม่ได้หมายถึงอวัยวะไต โรคเกี่ยวกับไตจึงไม่ได้หมายถึงไตอักเสบหรือไตวายเรื้อรัง  แต่ครอบคลุมถึงต่อมหมวกไต ระบบฮอร์โมน ระบบสืบพันธุ์ ระบบทางเดินปัสสาวะ ภาวะยินหยาง (ร้อนเย็นของระบบต่างๆของร่างกาย) ระบบประสาทอัตโนมัติ ฯลฯ อาหารสุขภาพที่จะแนะนำในบทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ในทัศนะแผนปัจจุบัน คือ ภาวะที่ไตสูญเสียหน้าที่อย่างเรื้อรัง ทำให้เกิดการคั่งของของเสียและน้ำ การทำงานของไตลดลงเหลือตั้งแต่ 25%-50%  ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากโรคประจำตัว  เช่น เบาหวาน  ความดันโลหิตสูง  กรวยไตอักเสบเรื้อรังและไขมันในเลือดสูง เป็นระยะเวลานานๆ  แม้ว่าผู้ป่วยบางรายจะอยู่ระหว่างการรักษาโดยการ ” ล้างไต ”  โดยเครื่องไตเทียม หรือ ใช้การล้างไตโดยผ่านทางช่องท้อง   การดูแลสุขภาพโดยการปรับเรื่องของอาหารปริมาณโปรตีน  แร่ธาตุ เช่น  โซเดียม  โพแทสเซียม  แมกนีเซียม , ฟอสฟอรัส  เพื่อลดผลที่ข้างเคียงจากการฟอกเลือดรวมถึงลดอาการต่างๆ จากภาวะเสียสมดุลของสารอาหารในร่างกาย เสริมบำรุงโปรตีนให้พอ   แต่ต้องควบคุมไม่ให้มากเกินไป  เพื่อเป็นการลดการทำงานของไต ป้องกันภาวะฟอสเฟตสูง  กรณีที่ไขมันในเลือดสูงให้หลีกเลี่ยงการรับประทานโปรตีนจากสัตว์ เลือกรับประทานโปรตีนจากปลา งดเว้นการรับประทานอาหารประเภทไขมัน หรือ อาหารรสหวานจัด  ควบคุมอาหารรสเค็ม ผงชูรส ซอส  น้ำปลา เกลือ กินอาหารรสธรรมชาติ  ไม่ปรุงแต่ง …

อาหารสุขภาพสำหรับ ผู้ป่วยโรคไต Read More »

แพทย์แผนจีนแนะ อาหารสมุนไพรสำหรับโรคซึมเศร้า

ภาวะซึมเศร้า มักมีการแสดงออกหลายอาการหรือเป็นกลุ่มอาการ เช่น มีความภูมิใจในตัวเองลดลง  ขาดความสนใจในกิจวัตรประจำวัน   มักครุ่นคิดหรือรู้สึกถึงความไม่มีคุณค่า  ความเสียใจ หรือรู้สึกผิดอย่างไม่มีเหตุผล หมดหวัง สมาธิแย่ลง นอนไม่หลับ  ความจำสั้น  แยกตัวออกจากสังคม  ความต้องการทางเพศลดลง  บางรายมีความคิดเกี่ยวกับความตายหรือการฆ่าตัวตาย แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญของภาวะทางอารมณ์ที่มากระทบอย่างรุนแรงหรือยาวนาน จะมีผลต่อกลไกการเคลื่อนไหวของพลัง ทำให้เป็นผลร้าย กระทบต่ออวัยวะภายในที่แน่นอน  เช่น อารมณ์โกรธทำลายตับ, อารมณ์วิตกกังวลทำลายม้าม,   อารมณ์ดีใจทำลายหัวใจ อารมณ์เศร้าโศกเสียใจทำลายปอด อารมณ์กลัวทำลายไต ภาวะทางอารมณ์  โดยเฉพาะอารมณ์เก็บกดหงุดหงิด   จากการคิดกังวลมากเกินปกติ  จะเกิดการติดขัดของการไหลเวียนพลังของอวัยวะตับ   นานเข้าเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นความร้อน   และนำไปสู่ภาวะทางจิตเป็นลักษณะของความซึมเศร้าที่มีแนวโน้มไปทางเก็บกด ไม่แสดงออก  หดหู่ซึ่งเป็นด้านยิน  หรือแนวโน้มไปทางคลุ้มคลั่ง  โวยวายซึ่งจัดเป็นด้านหยาง  ภาวะทางอารมณ์มีผลต่ออวัยวะภายในหลายอวัยวะ  มีอาการแสดงออกหลายอาการหรือเป็นกลุ่มอาการ   แพทย์แผนจีน  เรียก ภาวะซึมเศร้าว่า อื่อวี่เจิ้ง (抑郁症 ) เป็นผลจากอารมณ์ที่ไม่ได้รับการระบาย  ตับเป็นอวัยวะที่มีหน้าที่ในการเก็บเลือดและระบายพลังและเลือด    ในกรณีที่ร่างกายต้องการใช้พลังและเลือดเพิ่มเติม    เพื่อการปรับเปลี่ยนอารมณ์ในการตอบสนองต่อสิ่งเร้า   พลังตับที่ไม่ถูกระบายหรือกลไกพลังติดขัด เรียกว่า พลังตับอุดกั้น  การแก้ไขคือต้องให้มีการระบายพลังตับ  ขณะเดียวเดียวกันยังต้องเสริมบำรุงพลังของม้าม (ช่วยการย่อยและดูดซึม) รวมทั้งการบำรุงหัวใจ  ทำให้จิตใจสงบ กลุ่มอาหารที่มีฤทธิ์ช่วยการย่อยเสริมม้ามช่วยนอนหลับ  คือ  …

แพทย์แผนจีนแนะ อาหารสมุนไพรสำหรับโรคซึมเศร้า Read More »

อาหารสมุนไพรจีน บำรุงเส้นผมให้ดกดำ

ด้วยความรู้แผนปัจจุบัน เส้นผมที่มีสีดำ เกิดจากการที่เซลล์ที่ชื่อว่า เมลาโนไซต์(Melanocyte) ที่คอยผลิตเม็ดสีที่โคนรากผมสร้างเม็ดสีผม หรือ เมลานิน (melanin) ได้อย่างเพียงพอ  ผมหงอกเกิดจากเม็ดสีเมลานิน  ลดลงเมื่อสูงวัยขึ้น  จึงทำให้ผมเป็นสีขาว หยาบ และแลดูไม่เป็นประกาย  ผมหงอกที่มักพบในคนสูงอายุเมื่อเกิดแล้วจะอยู่ถาวร  ถ้าผมหงอกทั้งหัว ก็แสดงว่า Melanocyte Stem Cells ที่คอยผลิต เมลาโนไซต์(Melanocyte) ได้ตายหมดแล้ว ส่วนผมหงอกที่กลับดำได้นั้นเป็นผมหงอกที่เกิดจากโรคภายในร่างกาย ถ้ารักษาโรคหายผมจึงกลับดำได้  เช่น โรคโลหิตจาง ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ อารมณ์เครียดมาก หรือ หวาดกลัวเฉียบพลัน  รวมถึงจากการขาดสารอาหาร เช่น การขาดวิตามิน บี12   ธาตุทองแดง การขาดไบโอตินซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเม็ดสีเมลานิน (ไบโอตินจะช่วยในคนที่ผมเป็นสีเทาๆดำไม่สม่ำเสมอทั้งเส้น) ผมหงอกก่อนวัยมักไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ  กินอาหารและยาบางชนิด มีความเครียดก็มีผลต่อการมีผมหงอก  โดยเฉพาะกรรมพันธุ์เป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งพบได้บ่อยในครอบครัวที่มีประวัติผมหงอกก่อนวัย การป้องกันผมงอกหรือทำให้ผมดกดำ จึงเน้นที่การดูแลสุขภาพ การพักผ่อน ออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร วิตามินเสริม การผ่อนคลายจิตใจ ลดความเครียด  การควบคุมโรคประจำตัว ในทัศนะแพทย์แผนจีน “ผมคือส่วนเกินของเลือด …

อาหารสมุนไพรจีน บำรุงเส้นผมให้ดกดำ Read More »

การนอนหลับที่ดี ต้องมีคุณภาพ

การนอนหลับที่ดีต้องเป็นการนอนหลับที่ลึก จึงจะเป็นการนอนหลับที่มีคุณภาพ บางคนหลับๆ ตื่นๆ ตกใจตื่นง่าย แม้มีเสียงรบกวนจากภายนอกเพียงเล็กน้อย บางคนนอนหลับแต่ฝันตลอดทั้งคืน (เป็นการหลับตื้น ไม่มีคุณภาพ) ลักษณะของความฝันก็บ่งบอกภาวะสุขภาพร่างกาย และจิตใจได้เหมือนกัน มาดูกันว่า คุณเป็นคนหลับตื้นหรือหลับลึก และหลับมีคุณภาพหรือไม่1. ใช้เวลาเข้าสู่การหลับเร็วหรือไม่ บางคนพอล้มตัวนอนก็หลับทันที ถือว่าเป็นคนหลับได้เร็ว2. กลางคืนหลับรวดเดียวถึงเช้า ไม่มีการตื่นนอนตอนกลางดึก เรียกว่าหลับได้ตลอดคืน3. ไม่ค่อยฝัน เวลาตื่นนอน มักจะจำเรื่องราวในความฝันไม่ได้4. หลังตื่นนอน รู้สึกร่างกายผ่อนคลายทั่วตัว สดชื่นมีชีวิตชีวา เรียกว่าตื่นนอนแล้วรู้สึกสดชื่น5. ช่วงกลางวัน รู้สึกทำงานมีประสิทธิภาพ สมองปลอดโปร่งถ้าการนอนหลับของเราเข้าอยู่ในเกณฑ์ 5 ข้อ มากที่สุด แสดงว่าการนอนหลับมีประสิทธิภาพ มีการหลับลึก ช่วงเวลาของการฝันก็สำคัญ?  – ช่วงเวลา ๐๑.๐๐-๐๓.๐๐ น. พลังวิ่งเส้นลมปราณตับ ตับในทางแพทย์จีน เกี่ยวข้องกับจิตสำนึกด้านความมีเหตุมีผล ความมีสติ (肝魂跟理智,理性相关) การฝันในช่วงดังกล่าว จึงมักเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเหตุและผล – ช่วงเวลา ๐๓.๐๐-๐๕.๐๐น. พลังวิ่งเส้นลมปราณปอด ปอดในทางแพทย์จีน เกี่ยวข้องกับสัญชาตญาณ (肺魄跟本能相关) การฝันในช่วงดังกล่าว จึงมักเกี่ยวข้องกับเรื่องของสัญชาตญาณ …

การนอนหลับที่ดี ต้องมีคุณภาพ Read More »

อาการตาฝ้าฟาง กับอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพร

หัวใจในทัศนะแพทย์แผนจีนเปรียบเสมือนพระราชา มีอำนาจควบคุมปกครองทั่วประเทศ (ทุกส่วนของอวัยวะทั้งร่างกาย) ดวงตาเป็นที่รวมของพลังและสารจิงทั่วร่างกาย ความมีชีวิตชีวาภาวะทางจิตวิญญาณจึงสังเกตได้จากดวงตา  “ดวงตาจึงเป็นหน้าต่างของดวงใจ” คัมภีร์หวงตี้เน่ยจิง ได้กล่าวถึงเรื่องของดวงตาไว้ว่าดวงตาสามารถสะท้อนถึงภาวะสารจำเป็นและพลังของร่างกายรวมถึงอวัยวะภายใน กล่าวคือรูม่านตาสะท้อนถึงความสมบูรณ์ของไต ม่านตาส่วนสีดำทำหน้าที่เปิดปิดรูม่านตาสะท้อนถึงภาวะความสมบูรณ์ของไต หลอดเลือดฝอยของดวงตาสะท้อนความสมบูรณ์ของหัวใจกล้ามเนื้อรอบตาที่ช่วยการเปิดปิดดวงตาสะท้อนความสมบูรณ์ของม้าม อวัยวะตับเปิดทวารที่ตา คนตาแห้ง ตาฟาง มีหลายสาเหตุมีทั้งชนิดเฉียบพลัน เช่น ตาแดงจากกระกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ(การติดเชื้อไวรัส)และตาฝ้าฟางที่ค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากภาวะความเสื่อมพร่อง คนสูงอายุที่อยู่ในวัยเสื่อมมักเกี่ยวข้องกับภาวะพร่องของตับและไต ทำให้เลือดพลังและสารจิงไม่สามารถไปบำรุงที่ตาได้ การรักษาสายตาจึงมุ่งเน้นไปที่การบำรุงตับและไต ตำรับอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพร ตำรับที่1 : รักษาตาฝ้าฟางจากโรคตาแดง ส่วนประกอบ ดอกเก๊กฮวย,ใบหม่อนอย่างละ 15 กรัม ถั่วเหลือง 60กรัม น้ำตาลทรายกรวด 30 กรัม วิธีการปรุง เอาถั่วเหลืองแช่ทิ้งไว้ 30นาที แล้วล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาต้มรวมกับใบหม่อนเเละดอกเก๊กฮวย(เติมน้ำ 3 ถ้วย) ต้มเหลือ 1 ถ้วย เอากากออกแล้วเติมน้ำตาลกรวด ละลายทั่วถึงจากนั้น แบ่งรับประทานเป็น 2 ครั้งต่อวัน (ถั่วเหลืองไม่จำเป็นต้องต้มให้นุ่ม) สรรพคุณ ดอกเก็กฮวยและใบหม่อนมีสรรพคุณขับพิษขับร้อนพิษจากภายนอกบริเวณตา น้ำตาลทรายกรวด เสริมน้ำทำให้ชุ่มชื้น เพิ่มพลัง ถั่วเหลืองมีสรรพคุณบำรุงและช่วยการขับพิษ …

อาการตาฝ้าฟาง กับอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพร Read More »

เหงื่อออกกลางคืน แก้อย่างไร

หนึ่งในคำถามที่เจอบ่อยๆคือ เหงื่อออกในเวลากลางคืน ทั้งๆที่นอนในห้องปรับอากาศ เหงื่อมักจะออกตามแนวกระดูกสันหลัง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร และจะแก้ไขอย่างไร ตัวอย่างคนไข้ ดิฉันอายุ 48 ปี ผ่าตัดมดลูกและรังไข่ 2 ข้าง ตั้งแต่ปี 2535 กินฮอร์โมนวันละ 1 เม็ด ปีแรกๆๆๆไม่ค่อยกิน แต่ต่อมากินเกือบทุกวัน2 ปีที่ผ่านมา กินแคลเซียมเสริมมแบบใส่น้ำฟู่ ขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 2 – 3 เม็ด 2 เดือนที่แล้วเปลี่ยนมากินโยเกิร์ตแบบครีม มื้อละ 1 กระป๋อง วันละ 3 กระป๋อง และก่อนนอนบางคืนเพิ่มแคลเซียมเสริม 1 เม็ด พร้อมยาเคลือบกระเพาะ 2 เม็ด เพราะกินแล้วจะระคายกระเพาะ แต่ถ้ากินแคลเซียมเสริมวันละ3 เม็ด เล็บกลับไม่มีปัญหาค่ะ แต่ถ้าไม่กินแคลเซียมเสริมหรือโยเกิร์ต เล็บจะเปราะแตกมาก ภายใน 2 วัน สีเล็บปกติ ดิฉันอยากจะเรียนถามคุณหมอดังนี้ค่ะ1. …

เหงื่อออกกลางคืน แก้อย่างไร Read More »

ลิ้น หน้าต่างของร่างกาย

การเกิดและดำเนินของโรคนั้นเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน การดูลิ้นเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจการดำเนินและการเปลี่ยนแปลงของโรคได้ หลักการสำคัญในการดูลิ้นนั้น กล่าวโดยรวมๆแล้วก็คือ การดูตัวลิ้นและฝ้าบนลิ้น โดยทั่วไปแล้วการดูลักษณะของลิ้นจะทำให้เราเข้าใจสภาพร่างกายของผู้ป่วย และความรุนแรงของโรค ซึ่งจะทำให้เราใช้ยาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมการดูลิ้นถือเป็นเนื้อหาสำคัญส่วนหนึ่งในหลักการวินิจฉัยโรคของทฤษฎีแพทย์จีนคือการมอง (หลักในการวินิจฉัยโรคของทฤษฎีแพทย์จีนคือ ใช้การมอง ดม ฟัง ถาม จับชีพจร และคลำ) การดูลิ้นเพื่อวินิจฉัยโรคนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ซึ่งมีบันทึกไว้ในคัมภีร์แพทย์จีนคือหวงตี้เน่ยจิง ซางหางจ๋าปิ้งลุ่น ฯลฯ ว่าในช่วงเวลากว่า 2 พันปีมานี้ การดูลิ้นเพื่อวินิจฉัยโรคได้เจริญเติบโตและพัฒนาไปตามการพัฒนาของการแพทย์จีน จนมีเนื้อหาที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 14 หนังสือเกี่ยวกับการดูลิ้นวินิจฉัยโรคชื่อ “อ๋าวซื่อซางหางจินจิ้งลู่” ได้เกิดขึ้นครั้งแรก จวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ภายใต้การชี้นำของทฤษฎีแพทย์จีน การดูลิ้นเพื่อวินิจฉัยโรคก็ยังคงเป็นวิธีการวินิจฉัยโรคอีกวิธีหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ ที่สามารถนำไปใช้อย่างได้ผลในทางคลินิกของแพทย์จีน การดูลิ้นเพื่อวินิจฉัยโรคจะถูกต้องและแม่นยำได้นั้นจะต้องร่วมกับการปฏิบัติทางด้านคลินิก จากการปฏิบัติที่เป็นจริงสามารถยืนยันได้ว่า การดูลิ้นนั้นมีความหมายยิ่งคือ ทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของร่างกาย อาการหนักเบาของโรค แนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงหรือทุเลาของโรค การใช้ยาในการรักษาโรคตลอดจนการพยากรณ์อาการของโรค ทั้งนี้เพราะในกระบวนการเกิดพัฒนา เปลี่ยนแปลงของโรคนั้น จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและชัดเจนเกิดขึ้นบนลิ้น ด้วยเหตุนี้ลิ้นจึงเป็นอวัยวะที่สามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและโรคได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถดูและสังเกตได้ง่าย จึงสรุปได้ว่า ลิ้นเปรียบเสมือนหน้าต่างที่จะทำให้เราสังเกตและมองทะลุอวัยวะภายในของร่างกาย ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีรวิทยาและพยาธิวิทยา เป็นเสมือนภาพสะท้อนที่บ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของชีวิตภายในร่างกาย แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของลิ้นในทางคลินิกนั้นค่อนข้างสลับซับซ้อน แต่ถ้าเราสามารถยึดหลักการในการดูลิ้นได้ เราก็จะยึดวิธีการในการวินิจฉัยโรคได้แม่นยำ

ลิ้น กับการวินิจฉัยโรคของแพทย์จีน

การดูลิ้นเป็นวิธีการในการวินิจฉัยโรควิธีหนึ่งของแพทย์จีน การดูลิ้นนั้นจะต้องดูที่ตัวลิ้น (สีของลิ้น รูปร่างลักษณะของตัวลิ้น) และฝ้าบนลิ้น (สีของฝ้าบนลิ้น) ทฤษฎีการแพทย์จีนนั้นเชื่อว่า อวัยวะต่างๆของร่างกายเป็นองค์รวมที่ตรงกันข้าม และเป็นเอกภาพกัน ขณะเดียวกันร่างกายมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมก็เป็นองค์รวมที่ตรงกันข้ามและเป็นเอกภาพกันด้วยการเปลี่ยนแปลงของร่างกายแต่ละส่วนนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นๆของร่างกาย ดังคัมภีร์การแพทย์จีนกล่าวไว้ว่า “มีความผิดปกติภายในย่อมปรากฏให้เห็นภายนอก” ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถเข้าใจธาตุแท้ของความขัดแย้งภายในร่างกายโดยการมองจากสิ่งที่ปรากฏออกมาภายนอกร่างกาย แล้วมองลึกเข้าไปหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายได้ ในการศึกษาร่างกายของมนุษย์นั้น แพทย์จีนจะไม่ใช้วิธีการแยกร่างกายออกเป็นส่วนๆ หรือที่เรียกว่า “วิเคราะห์” แต่จะใช้วิธีการมองร่างกายเป็นแบบองค์รวม บนพื้นฐานของการมองร่างกายที่เป็นองค์รวมและไม่สามารถแยกเป็นส่วนๆนี้ แพทย์จีนจะทำการเปรียบเทียบ วิเคราะห์ และสังเคราะห์ผลสะท้อนของร่างกายมนุษย์เมื่อถูกกระตุ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมรอบข้าง แล้วสรุปออกมาเป็นกฎเกณฑ์ การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีรวิทยาของอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย ไม่เพียงแต่จะสะท้อนออกมาให้เห็นภายนอกร่างกายตรงจุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นในแต่ละส่วนบนภาพจำลองย่อยๆของร่างกายอีกด้วยแพทย์จีนมองความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวมนุษย์กับสภาวะที่ร่างกายมีปฏิกิริยาโต้ตอบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยสังเกตจากสิ่งที่ปรากฏมาภายนอกของร่างกาย และลิ้นก็เป็นอวัยวะๆหนึ่งที่สามารถสะท้อนความผิดปกติที่เกิดขึ้น ดังนั้นการดูลิ้นจะทำให้เราเข้าใจสภาวะที่ร่างกายสะท้อนความผิดปกติออกมาอย่างชัดเจน ความหมายของการดูลิ้นในทางคลินิก การดูลิ้นบอกโรคนั้น จะสามารถสะท้อนให้เราเห็นถึงสภาพของร่างกายและโรคได้ดังนี้1. การบ่งบอกถึงความแข็งแรงหรืออ่อนแอของร่างกาย ถ้าตัวลิ้นแดงเรื่อๆ ชุ่ม แสดงว่าร่างกายแข็งแรง แต่ถ้าลิ้นขาวซีดแสดงว่าร่างกายอ่อนแอ 2. การบ่อบอกถึงความหนักเบาของโรค ในกรณีที่เป็นโรคซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก (เช่น เป็นหวัด) ความหนาของฝ้าบนลิ้นจะบ่งบอกถึงความหนักเบาของโรค ถ้าฝ้าบนลิ้นบางแสดงว่าโรคเพิ่งเกิด แต่ถ้าฝ้าบนลิ้นหนาแสดงว่าโรคเป็นมานานและค่อนข้างหนักหากลิ้นแดงสดและแห้ง แสดงว่าอาการของโรครุนแรงมาก 3. การบ่งบอกถึงคุณสมบัติของโรค เช่น ถ้าฝ้าบนลิ้นสีเหลือง (ต้องระวังสังเกตและถามผู้ป่วยว่ากินอะไรที่มีสีเหลืองมาก่อน) แสดงว่าเป็นโรคร้อน ต้องให้ยาที่มีคุณสมบัติเย็น (รสขม) แต่ถ้าฝ้าบนลิ้นขาว มักเป็นโรคเย็น …

ลิ้น กับการวินิจฉัยโรคของแพทย์จีน Read More »

ภาวะลมแดด ดูแล ป้องกัน และบำบัดด้วยแพทย์แผนจีน

โรคลมแดด (heat stroke) เป็นภาวะสูญเสียเหงื่อปริมาณมาก กลไกควบคุมความร้อนในร่างกายล้มเหลว เหงื่อจะออกน้อยหรือไม่ออกเลย เป็นเหตุให้อุณหภูมิใน ร่างกายสูงขึ้น (เพราะว่าร่างกาย ขาดน้ำอย่างมากจนไม่เพียงพอต่อการผลิตเหงื่อ) ผู้ป่วยจะตัวแดง ตัวร้อน เหงื่อจะออกมากในช่วงแรก ตอนหลังผิวจะแห้งเหงื่อออกน้อย เมื่อร่างกายไม่สามารถจะขับเหงื่อเพื่อระบายความร้อนได้ จะทำให้มีไข้สูง มึนงง สับสน กระสับกระส่าย หรืออาจจะไม่รู้สึกตัว สับสน และกระวนกระวาย หายใจเร็ว หายใจลำบาก ซึ่งอาจจะเกิดจากอวัยวะภายในเริ่มมีปัญหาชีพจรเร็ว เนื่องจากไข้และร่างกายขาดน้ำ ความดันโลหิตอาจจะสูงเล็กน้อยในระยะเริ่มต้น แต่เมื่อร่างกายขาดน้ำมากความดันโลหิตจะต่ำลง ลมแดด แพทย์แผนจีนเรียกว่าจ้งสู่ (中暑) ความร้อนจากอากาศร้อนจัดในฤดูร้อน เข้าสู่ร่างกาย ความร้อนที่มากเกินไป ทำให้การไหลเวียนของพลังติดขัดเกิดลมตับปั่นป่วนภายใน ทำให้มีไข้ ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้ อาเจียน กระสับกระส่าย ชักกระตุก หมดสติ ฤดูร้อนกับศาสตร์แพทย์แผนจีน ช่วงเดือนมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม เป็นช่วงเวลาของฤดู ร้อนอุณหภูมิภายนอกค่อยๆ ร้อนขึ้นจนถึงร้อนสุดๆ ตามด้วยการที่มีฝน ตกในช่วงปลายฤดูร้อน หากเราสังเกตมองดูต้นไม้ที่อยู่รอบตัวจะเห็นว่าเป็นช่วงเวลาของการเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขาผลิดอกออกผลเช่นเดียวกับ ร่างกายของคนเราในฤดูกาลนี้เป็นช่วงที่พลังหยาง (ความร้อน) ภายในร่างกายมีการเพิ่มปริมาณสูงขึ้นตามสภาพอากาศภายนอก …

ภาวะลมแดด ดูแล ป้องกัน และบำบัดด้วยแพทย์แผนจีน Read More »

ปัสสาวะบอกโรค

น้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย คิดเป็นน้ำหนักถึงร้อยละ 65 เลือดของเรามีส่วนประกอบของน้ำถึงร้อยละ 80 การเคลื่อนไหวไหลเวียนของน้ำในร่างกายทำให้สารอาหาร ไม่ว่าจะเป็นกรดอะมิโน กลูโคส ไขมัน วิตามิน เอนไซม์ ฮอร์โมน เป็นต้น สามารถเข้าหล่อเลี้ยงเซลล์ หรือทำให้เกิดกระบวนการดำรงอยู่ของชีวิต ในทางกลับกันก็เป็นตัวลำเลียงของเสียจาก เซลล์ ไม่ว่าจะเป็นคาร์บอไดออกไซด์ ยูเรีย ครีอะตินิน เป็นต้น เพื่อขับทิ้งออกจากร่างกาย ทางศาสตร์แพทย์จีน อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่ายปัสสาวะอย่างมาก คือ ปอด ม้าม ไต กระเพาะปัสสาวะ หัวใจ ปัสสาวะของคนปกติ ผู้ใหญ่ที่แข็งแรงจำนวนครั้งของการปัสสาวะ ตอนกลางวัน   ประมาณ 4-6 ครั้ง ปัสสาวะกลางคืน หลังนอนหลับ 0-1 ครั้ง  สีของปัสสาวะ เหลืองอ่อนใส ปัสสาวะคล่องไม่ติดขัด  ทั้งนี้ปัสสาวะที่ปกติสามารถ สะท้อนภาวะของสารน้ำและระบบการทำงานของอวัยวะภายในที่สำคัญของร่างกาย อย่างไรก็ตาม ปริมาณปัสสาวะจำนวนครั้งของการปัสสาวะ ยังแปรเปลี่ยนตามจำนวนน้ำที่ดื่ม อุณหภูมิ ของอากาศภายนอก ปริมาณ เหงื่อที่ออก และอายุ ความผิดปกติของปัสสาวะในความหมายของแพทย์แผนจีน แพทย์แผนปัจจุบัน บอกความผิดปกติของปัสสาวะมักเน้นหนักไปที่การดูส่วนประกอบในรายละเอียดทางเคมี และการตรวจพบสิ่งตรวจพบจากกล้องจุลทรรศน์ เช่น บอกภาวะของความต่างจำเพาะ …

ปัสสาวะบอกโรค Read More »

ร่องจมูก บอกสุขภาพ

ตำแหน่งร่องจมูก (บริเวณร่องระหว่างจมูกกับริมฝีปากด้านบน) ตามตำราการดูโหวงเฮ้ง เป็นตำแหน่งของอายุในวงโคจร 51 ปี เรียกว่า เหยินจง (ภาษาแต้จิ๋วเรียก หยิ่งตง) ตำแน่งนี้เป็นที่รวมของแม่น้ำทั้ง 4 สาย ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งพลังธาตุน้ำ เป็นตัวรวมพลังทั้งหลายลงสู่ทะเล คือ ปาก บ่งบอกถึง ทายาท บุตร ผลงานจากการกระทำ การสืบทอดทั้งในแง่เจตนารมณ์ ผลงาน ความสำเร็จ การปฏิบัติภารกิจ อุปนิสัยใจคอ ลักษณะร่องจมูกที่ดี ต้องเป็นร่องยาวลึกสม่ำเสมอ ปลายจมูกไม่ปิดบังร่อง ฟังดูแล้วบางท่านเชื่อ บางท่านไม่เชื่อเพราะยากแก่การพิสูจน์ที่น่าเชื่อ เพราะหมอดูราศีบนหน้าอาจทำนายทายทักได้แม่นยำ และตนเองเคยมีประสบการณ์ด้วยตนเอง บางคนก็คิดว่าเป็นเรื่องสถิติหรือเรื่องหมอดูคู่หมอเดา ถูกบ้างผิดบ้าง พอถูกก็เอามาพูดต่อกันไป พอผิดก็เงียบ และที่สำคัญจะเอาหลักอะไรมาอธิบายว่ามันเป็นเช่นนั้นอย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าศาสตร์เหล่านี้ยังมีผู้ยึดถือ และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย แม้กระทั่งการรับสมัครเจ้าหน้าที่ หรือผู้บริหารของบริษัทใหญ่ ๆ ซึ่งต้องจ้างนักดูโหวงเฮ้งมาคัดเลือกบุคลากร ซึ่งดูคล้ายกับว่าให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าวุฒิภาวะ คุณวุฒิ การศึกษา และความสามารถทีเดียว จากทฤษฎีที่กล่าวมา มีการศึกษาว่าการเปลี่ยนแปลงลักษณะต่างๆ ของใบหน้าหรือส่วนต่างๆ ของร่างการบ่งบอกถึงความผิดปกติของอวัยวะภายในหรือการเกิดโรคอะไร ซึ่งถ้าพิจารณาบริเวณร่องจมูกจะสัมพันธ์กับมดลูกและกระเพาะปัสสวะ ซึ่งเกี่ยวกับระบบไต การสืบพันธ์นั่นเอง ลักษณะของร่องจมูก และความเกี่ยวข้องกับโรค 1. …

ร่องจมูก บอกสุขภาพ Read More »

มือ บอกโรค

ทางแพทย์จีนถือว่าลักษณะของมือ สีของฝ่ามือ ความชุ่มแห้งของมือ และหลอดเลือดของฝ่ามือก็มีความสามารถบอกความสมบูรณ์ของร่างกายได้ ความอวบของมือถ้าเป็นผู้ที่มีมืออวบ แสดงว่าเป็นผู้ที่มีพลังเต็มเปี่ยมในการทำงาน ถ้ามือเล็กเรียวและอ่อน แสดงว่าร่างกายไม่แข็งแรง เป็นโรคได้ง่าย บางครั้งแม้มือจะอวบ แต่ถ้าอ่อนไม่มีแรง แสดงว่าร่างกายไม่แข็งแรง เช่นกันถ้ากล้ามเนื้อบนฝ่ามือแน่น แต่ขาดความยืดหยุ่น แสดงว่าเป็นผู้ที่มีนิสัยค่อนข้างแข็งกระด้าง ไม่ค่อยมีความยืดหยุ่น ดังนั้นเนื้อบริเวณฝ่ามือควรแน่น แต่จะต้องมีความอ่อนในระดับพอเหมาะ ตลอดจนมีความยืดหยุ่น ร่างกายจึงจะแข็งแรงและมีพลังอย่างเต็มเปี่ยมในการทำกิจการงานถ้ามือไม่ค่อยมีเนื้อและกล้ามเนื้อค่อนข้างแน่น แสดงว่าระบบย่อยอาหารไม่ดีถ้ากล้ามเนื้อใต้หัวแม่มือ หรือบริเวณสันมือใต้นิ้วก้อยลีบ สีผิวหมองไม่สดใส แสดงว่าเจ้าของมือ มักเป็นโรคบิดหรือท้องเสียเรื้อรัง สีของฝ่ามือคนที่มีร่างกายปกติฝ่ามือจะมีสีแดงเรื่อ ๆ และสดใส กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่น เวลาจับสิ่งของจะมั่นคงหากสีผิวของฝ่ามือเปลี่ยน ย่อมบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพ แต่จะต้องระมัดระวังปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อฝ่ามืออื่น ๆ เช่น ภูมิอากาศ สารที่ติดหรือเปื้อนมือถ้าฝ่ามือขาวซีด แสดงว่าเป็นโรคเกี่ยวกับปอดถ้าฝ่ามือสีคล้ำ แสดงว่าเป็นโรคเกี่ยวกับไตถ้าฝ่ามือสีม่วง แสดงว่าระบบไหลเวียนของเลือดไม่ดีถ้าฝ่ามือสีน้ำเงิน แสดงว่าเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ถ้าฝ่ามือสีเขียว แสดงว่าเป็นโรคโลหิตจางหรือระบบย่อยลำเลียง ดูดซึมไม่ดีถ้าฝ่ามือสีเหลองทอง แสดงว่าเป็นโรคเกี่ยวกับตับถ้าฝ่ามือสีแดงเข้ม แสดงว่าเป็นโรคร้อน (ติดเชื้อมีไข้) ถ้าฝ่ามือขาวซีดหรือเขียวคล้ำ แสดงว่าเป็นโรคโลหิตจาง มีอาการห้อเลือด ความดันเลือดสูงหรืออาจต่ำก็ได้ เป็นโรคหัวใจ เกาต์ เป็นต้น ถ้าเส้นหลักบนฝ่ามือทั้งสามคือ …

มือ บอกโรค Read More »