แพทย์แผนจีน

ปวดหัวไหล่ สกัดจุดที่หน้าแข้ง

เรื่องพลังบนเส้นลมปราณ การฝังเข็มหรือกดจุด (ซึ่งต้องกดให้ลึกพอ) นอกจากจะสามารถทะลวงให้พลังไหลเวียนคล่องเพื่อรักษาโรคต่างๆ ตามแนวทางเดินของเส้นแล้วยังมีปรากฏการณ์แปลกๆ คือการรักษาพลังลมปราณข้ามเส้น ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยปวดเอว สามารถใช้การฝังเข็มหรือกดจุดที่บริเวณเหนือข้อมือทำให้อาการปวดเคล็ดเอวทุเลาลงได้ผู้ป่วยปวดต้นคอ สามารถฝังเข็มหรือสกัดจุดที่บริเวณมือ ทำให้หายคอเคล็ดได้ผู้ป่วยปวดหัวไหล่ ฝังเข็มสกัดจุดบนหน้าแข้ง ทำให้หายปวดหัวไหล่ได้ผู้ป่วยหญิงมีอาการปวดหัวไหล่ซ้าย ยกแขนไม่ถนัด มีอาการปวดตึง มือไขว้หลังไม่ได้ เป็นมาประมาณ 2-3 วัน กินยาแก้ปวดแล้วอาการไม่ค่อยทุเลา แพทย์ให้การวินิจฉัยว่า เนื้อเยื่อรอบหัวไหล่อักเสบ ไปหาหมอฝังเข็ม หมอฝังเข็มตรวจคลำจุดบริเวณหน้าแข้งซ้ายและขวา พบว่ามีจุดกดเจ็บบริเวณหน้า แข้งขวามากกว่าซ้าย กดแล้วผู้ป่วยจะเจ็บมาก หมอฝังเข็มใช้ เข็มยาวประมาณ 3 นิ้ว แทงลงบนจุดนั้นลึกประมาณ 1.5 นิ้ว กระตุ้นเข็มขึ้นลงและหมุนอย่างแรง จนผู้ป่วยเกิดความรู้สึกหนักๆ หน่วงๆ เสียวๆ (ความรู้สึกว่าพลังลมปราณเคลื่อน) กระตุ้น 3 นาที คาเข็มไว้ 20 นาที ระหว่าง 20 นาทีกระตุ้นเป็นระยะ 2-3 ครั้ง ระหว่างกระตุ้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวแขนไปด้วย หลังจากการฝังเข็ม จะพบว่ามีผู้ป่วยหายปวดและเคลื่อน ไหวหัวไหล่ได้คล่องทันที (บางรายที่เป็นมากอาจต้องใช้การฝังเข็มแบบนี้หลายครั้ง หรือต้องเสริมการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เพิ่ม)ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น การปวดหัวไหล่สามารถทุเลาหรือ …

ปวดหัวไหล่ สกัดจุดที่หน้าแข้ง Read More »

สมุนไพรจีน กับสารสกัดจากสมุนไพร

กระบวนการของการเกิดโรค บางโรคกว่าจะแสดงอาการใช้เวลานานค่อยๆ สะสมทางปริมาณจนถึงจุดเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพ แต่บางโรคเกิดขึ้นทันที  ส่วนยาที่ใช้รักษาก็มีทั้งยาตำรับใหญ่  ตำรับเล็ก  มีพิษและไม่มีพิษ จึงต้องวิเคราะห์ให้ถ่องแท้ ยาที่มีพิษมากใช้รักษาโรค 10 ส่วน สามารถขจัดโรคได้แค่ 6ยาที่มีพิษธรรมดาใช้รักษาโรค 10 ส่วน สามารถขจัดโรคได้แค่ 7ยาที่มีพิษน้อยใช้รักษาโรค 10 ส่วน สามารถขจัดโรคได้แค่ 8ยาที่ไม่มีพิษใช้รักษาโรค 10 ส่วน สามารถขจัดโรคได้แค่ 9แต่การกินอาหารบางประเภท เช่น ธัญพืช เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ เพื่อดูแลสุขภาพสามารถขจัดโรคได้ทั้งหมด ข้อสรุปก็คือ ขึ้นชื่อว่ายาแล้ว ล้วนมีพิษ การกินอาหารตามใจตัวเองก็อาจจะกลายเป็นพิษได้เช่นกัน  ควรใช้อาหารเพื่อช่วยในการรักษาโรค แต่เมื่อไม่ได้ผลจึงค่อยคิดถึงการใช้ยายาที่มีพิษด้านหนึ่งรักษาโรค แต่ก็มีผลกระทบต่อร่างกาย จึงไม่สามารถกำจัดโรคได้อย่างสิ้นเชิง ต้องกินอาหารที่เหมาะสมเสริมเข้าไปเพื่อสร้างสมดุลภายในร่างกาย ศาสตร์ของแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญต่ออาหารเป็นอย่างมาก เพราะอาหารบางอย่างในบางเงื่อนไขก็คือยาพิษ ที่สามารถทำลายร่างกายหรือทำให้โรครุนแรงขึ้นได้เช่นกัน อาหารอย่างดีก็เป็นพิษ มีเรื่องเล่ากันว่า ในสมัยราชวงศ์หมิง กษัตริย์จูหยวนจางได้ทำการหาเหตุฆ่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และครอบครัว ๙ ชั่วโคตร มีแต่ซวีต๋า เท่านั้นที่ยังหาเหตุผลในการฆ่าไม่ได้ เนื่องจากเป็นเพื่อนในช่วงวัยเยาว์ที่ดีต่อกัน อีกทั้งมีผลงานในการสู้รบที่ดีเยี่ยม และอำนาจของแม่ทัพก็ถูกถ่ายโอนแล้ว ซวีต๋าอยู่ในช่วงระหว่างพักผ่อนในบั้นปลายชีวิต …

สมุนไพรจีน กับสารสกัดจากสมุนไพร Read More »

ภาวะหยางพร่อง

“เวลาอยู่ในห้องปรับอากาศ ดิฉันต้องใส่เสื้อหนาๆ ทีคนอื่นไม่เห็นจะเป็นอย่างดิฉันเลย เวลาเพื่อนๆ มาจับมือจะบอกว่ามือเย็นจังเลย”“ผมรู้สึกว่าอ้วนขึ้นมาก ทั้งๆ ที่กินแต่ละมื้อก็ไม่มาก กินชาเขียวลดน้ำหนัก ก็ไม่เห็นจะลดลง แต่ดูกลับจะหนักขึ้นอีก กางเกงก็ต้องไปขยายเอวอีกแล้ว”“หนูเป็นอะไรก็ไม่รู้ รู้สึกขี้เกียจ เบื่อๆ อยากแต่จะนอน”อาการต่างๆ ที่กล่าวมานี้ เป็นส่วนหนึ่งของภาวะความเสียสมดุลของร่างกาย ซึ่งมีหลายสาเหตุ มีความสลับซับซ้อน ยากง่ายต่างๆ กัน แต่ภาวะหนึ่งที่พบบ่อยและมักมีอาการดังกล่าวข้างต้น คือ “ภาวะหยางพร่อง” 1. ถ้ายิน-หยางของร่างกายเสียสมดุล ทำให้เกิดโรคได้อย่างไร ยิน  เป็นภาวะ สงบ เย็น หยุดนิ่ง ยับยั้งหยาง  เป็นภาวะ กระตุ้น ร้อน เคลื่อนไหว เร่งเร้าถ้าภาวะยินพร่อง ร่างกายขาดสารน้ำหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย เกิดความร้อนภายในขึ้น เพราะยินไม่สามารถควบคุมหยางถ้าภาวะหยางพร่อง ร่างกายขาดพลังความร้อน การทำงานของเซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ ก็ถดถอย เกิดความเฉื่อยเนือย เกิดความเย็นภายในร่างกาย การไหลเวียนเลือดและพลังก็เนิบช้าลงยิน เป็นลักษณะของระบบประสาทอัตโนมัติ   พาราซิมพาเทติก และฮอร์โมนที่ให้ความชุ่มชื้นเกิดการเก็บสะสม ยับยั้งภาวะกระตุ้นหยาง เป็นลักษณะของระบบประสาทอัตโนมัติ ซิมพาเทติกและฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการกระตุ้นเร่งเร้าการทำงาน 2. ภาวะ “หยางพร่อง” มีอาการสำคัญและการตรวจพบอย่างไรภาวะหยางพร่อง มีอาการหลักๆ …

ภาวะหยางพร่อง Read More »

รักษาอัมพฤกษ์-อัมพาต

เวลาเกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ป่วยบางรายจะถูกส่งเข้าโรงพยาบาล มีการตรวจเช็คร่างกาย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง หาความผิดปกติ หาสาเหตุ หาตำแหน่งของการเกิดโรค ถ้าเป็น ไม่มาก บ้างก็จะหาหมอนวด หมอยาจีน หมอบ้าน ทำการจับเส้น นวด หรือกินยาหม้อ ฝังเข็ม โดยไม่ยอมไปหาหมอที่โรงพยาบาล บางรายภายหลังฟื้นจากหมดสติ มีภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต ร่างกายครึ่งซีกอ่อนแรง หรือแข็งเกร็ง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด นอกจากจะไปทำกายภาพบำบัดแล้ว ยังไปหาหมอฝังเข็ม หมอนวด หมอยาจีน หมอบ้านร่วมรักษาไปด้วยกัน ตำราแพทย์จีนโบราณกล่าวถึงโรคที่มีลักษณะเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เกิดเร็ว มีอาการหลายรูปแบบ ชักกระตุก หมดสติ มีสาเหตุจากลม การที่ผู้ป่วยหลังตื่นนอนพบว่ามีอาการปากเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท หน้าเบี้ยว หรือยกแขนขาซีกหนึ่งไม่ขึ้น หรือบางรายขณะประชุมเครียดหมดสติไปทันที เป็นอาการที่เกิดอย่างเฉียบพลัน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว จึงเรียกว่า กระทบลม (ซึ่งอาจเกิดจากลมภายในหรือลมภายนอกก็ได้) แพทย์จีนเรียกว่า จ้งเฟิง อาการกระทบลม หรือจ้งเฟิง  หมายถึงอะไร?ทางการแพทย์แผนปัจจุบันมีความหมายถึงภาวะโรคหลอดเลือดทางสมองที่มีการแตก ตีบหรือตันของหลอดเลือด หรือจากสาเหตุของเนื้องอก การอักเสบของหลอดเลือดแดงในสมอง แล้วทำให้เกิดอาการหมดสติ …

รักษาอัมพฤกษ์-อัมพาต Read More »

ปวดประจำเดือน สัญญาณเตือนเนื้องอก

อาการปวดประจำเดือน สำหรับผู้หญิงหลายคนอาจจะมองเป็นเรื่องธรรมดาที่พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะในวัยรุ่นสาวๆ แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า อาการปวดประจำเดือนในวัยรุ่นสาวๆ หรือแม้กระทั่งวัยเลยคำว่า “สาว” มานานแล้ว แต่ยังมีอาการปวดประจำเดือนอยู่นั้น คือสัญญาณเตือนภัยที่น่ากลัว บางคนเมื่ออายุยังน้อยๆ และมีอาการปวดประจำเดือน เมื่อไปตรวจส่วนใหญ่ก็คงจะไม่พบความผิดปกติอะไร แต่หากอายุมากขึ้นและยังปวดประจำเดือนอยู่ คราวนี้ไปตรวจอาจพบว่ามีก้อนเนื้องอกเกิดขึ้น วิธีคิดแบบนี้หมายความว่า เนื้องอกป้องกันลำบาก เพราะเมื่ออายุมากขึ้นก็จะต้องเกิด ถ้าเป็นมากก็ตัดออก หรือในบางรายที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกงอกผิดที่ บางทีก็มีพังผืดยึดเกาะ บ้าง ยึดติดกับลำไส้ ก็ตัดได้ลำบาก แต่บางคนที่อายุสูงขึ้นกว่านั้น มองว่าไม่ใช้มดลูกแล้วก็อาจจะพิจารณาตัดมดลูกยกออกออกทั้งยวงเลย ประเด็นสำคัญก็คือ เนื้องอกที่เกิดขึ้นนั้น หากพิจารณากันให้ดีๆ มองให้ต่อเนื่องจะเห็นว่า จริงๆ แล้วคนส่วนใหญ่ในช่วงระยะแรกๆ ก็ยังไม่เป็นก้อนเนื้องอก เพียงแต่เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งมักจะมาตรวจพบในภายหลัง ซึ่งเนื้องอกที่เกิดขึ้นมานี้ ก็คือผลที่ต่อเนื่องมาจากอาการเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงออกให้เห็นในช่วงแรกๆ เช่น อาการปวดประจำเดือนนั่นเอง ซึ่งในทางแพทย์จีนเชื่อว่า สาเหตุใหญ่ๆ ของการเกิดเนื้องอกที่มีสัญญาณเตือนจากภาวะปวดประจำเดือนนั้น มักจะเกิดจากความไม่สมดุลของร่างกายที่มีพื้นฐานหลักๆ อยู่ 3 แบบคือ 1.กลุ่มที่มีเลือดและพลังพร่อง หรือเลือดและพลังไม่พอ คนกลุ่มนี้ในเวลาปกติมักจะเป็นคนที่มีประจำเดือนน้อยอยู่แล้ว หน้าตามักจะซีดเซียว ใบหน้าดูไม่ค่อยมีสีเลือด ลิ้นมักจะมีสีออกซีดๆ ถือเป็นกลุ่มที่มีพื้นฐานเป็นคนที่มีเลือดและพลังไม่พอ มักเป็นคนที่เหนื่อยง่าย …

ปวดประจำเดือน สัญญาณเตือนเนื้องอก Read More »

ทำไมแพทย์จีนวินิจฉัยว่า เลือดคั่งค้างอุดกั้น

ภาวะเลือดคั่งค้างอุดกั้น เป็นภาวะที่เลือดหยุดนิ่ง ไหลเวียนช้าลง ไม่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด เป็นก้อน มีเลือดออก ลิ้นเขียวม่วง อาการสำคัญที่ตรวจพบ และอาการร่วมอื่นๆ อาการเด่นที่สำคัญ คือ เจ็บเหมือนเข็มแทง มีก้อนแข็ง มีเลือดออกเป็นสีม่วงคล้ำ ริมฝีปาก ลิ้น เล็บเขียวม่วง อาการรวมอื่นๆ ได้แก่ ปวดเหมือนมีดแทง ตำแหน่งแน่นอน กดเจ็บ ปวดมากตอนกลางคืน มีก้อนแข็ง กดแล้วไม่เคลื่อนที่ เลือดออกหยุดๆ หายๆ (กะปริด-กะปรอย)  สีม่วงคล้ำ หรือร่วมกับเป็นก้อนเลือด อุจจาระสีดำมีลักษณะคล้ายน้ำมันสน ใบหน้าดำ ผิวหนังเป็นสะเก็ด เล็บ ริมฝีปากเขียวม่วง ในสตรีประจำเดือนอาจขาดหายไปหรือประจำเดือนผิดปกติ ลักษณะของลิ้น ลิ้นสีม่วงคล้ำ มีรอยจ้ำเลือด หรือหลอดเลือดดำใต้ลิ้นขดงอ และขยายตัว ชีพจรเล็กฝืดหรือไม่เป็นจังหวะ สาเหตุของเลือดตกค้างอุดกั้น กลไกพลังติดขัด พลังติดขัดทำให้เลือดไม่ไหลเวียน เลือดเย็นทำให้เลือดเกาะตัว การไหลเวียนช้าลง เลือดร้อนทำให้เลือดข้นเหนียว เกิดความหนืดเลือดไหลไม่คล่อง พลังพร่องไม่มีกำลัง เลือดไม่มีแรงผลักดัน อุบัติเหตุกระทบกระแทก หกล้ม ให้ช้ำในเลือดตกค้าง …

ทำไมแพทย์จีนวินิจฉัยว่า เลือดคั่งค้างอุดกั้น Read More »

เหงื่อผิดปกติ บ่งบอกอะไรบ้าง

คุณแม่พาลูกสาวมาพบแพทย์จีนด้วยปัญหาลูกสาวเป็นรังแคและคันศีรษะบ่อยๆ ใช้ยาสระผมมาหลายยี่ห้อก็ไม่ค่อยดีขึ้น หลังจากตรวจร่างกายและจับชีพจร รวมทั้งถามประวัติอาการละเอียดแล้ว พบว่าเด็กมีเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะเวลานอนกลางคืนบริเวณศีรษะ จึงให้การรักษาด้วยยาบำรุงไตยิน แนะนำการทำความสะอาดเส้นผม การกินอาหาร หลังจากนั้นไม่นานเหงื่อบริเวณศีรษะก็ออกน้อยลง ลูกสาวของเธอก็ไม่เป็นรังแคอีกเลย ยังมีตัวอย่างอีกมากมายที่มีความเกี่ยวข้องกับเหงื่อและการเกิดโรค เช่น“ทำไมเวลาออกกำลังกายเหงื่อไม่ออกเลย”“ทำไมเหงื่อของผมออกง่ายจังเลย ทำอะไรเล็กน้อยก็เหงื่อออกท่วมตัว”“ทำไมเวลานอนกลางคืน ทั้งๆที่นอนห้องแอร์เหงื่อก็ยังออกมาก แต่กลางวันไม่ยักจะออก”“เวลาเริ่มมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวจะมีไข้สูง จะต้องออกไปขุดดินทำให้เหงื่อออก อาการไข้จะหายไปเองโดยไม่ต้องกินยา”พูดถึงเรื่อง “เหงื่อ” เป็นหัวข้อหนึ่งที่แพทย์จีนต้องถามถึง วิธีการตรวจแบบแผนจีน “มอง, ดม-สูด , ถาม , สัมผัส” การถามเรื่องของเหงื่อจะบอกถึงความผิดปกติของอวัยวะภายในได้ ข้อมูลเรื่องเหงื่อจึงมีความสำคัญที่นำไปสู่การรักษาโรคที่เป็นปัญหาหลัก และจะพบว่าโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้องกันก็อาจหายไปพร้อมกับเรื่องของเหงื่อออกผิดปกติได้ ความผิดปกติของอาการเหงื่อออกแบ่งเป็น1. ปริมาณของเหงื่อที่ออกผิดปกติ– ออกน้อยไป , ไม่ค่อยมีเหงื่อออก-ออกมากไป2. ช่วงเวลาที่เหงื่อออก-ออกตอนกลางคืน-เหงื่อออกเองโดยเฉพาะกลางวัน3. ตำแหน่งที่เหงื่อออก-ส่วนศีรษะ-ส่วนล่าง , ส่วนบน , ด้านซ้าย , ด้านขวา-ส่วนฝ่ามือ , ฝ่าเท้า สาเหตุใหญ่ๆของอาการเหงื่อออกผิดปกติ แบ่งได้เป็น ๒ ประเภท 1. สาเหตุจากภายนอกมากระทำ : โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เช่น ความร้อน , เย็น …

เหงื่อผิดปกติ บ่งบอกอะไรบ้าง Read More »

ต่อมลูกหมากโต ในทัศนะแพทย์แผนจีน

ต่อมลูกหมากโต เนื่องจากตัวต่อมมีขนาดอ้วนโตขึ้น โดยไม่ใช่เนื้อร้าย มีบันทึก ไว้ในตำราแพทย์จีนโบราณ โดยเรียกอาการนี้ว่า “ปัสสาวะ ติดขัดไม่คล่อง ปัสสาวะเป็นหยดๆ และขาดช่วงเป็นระยะ” พยาธิสภาพของโรคไม่แจ่มชัดทั้งหมด แต่สามารถอธิบายในแง่ของการทำงานของอวัยวะภายในทั้ง 5 ได้ดังนี้ แพทย์แผนจีนถือว่า การที่สามารถขับถ่ายปัสสาวะได้คล่องต้อง อาศัยพลังจากซานเจียว (ช่องไฟธาตุทั้ง 3 ที่อยู่บริเวณกลางลำตัว ส่วนบน คือช่องอก เป็นส่วนเหนือกะบังลม ส่วนกลางคือ ช่องท้องส่วนที่เหนือสะดือ และส่วนล่างคือ ส่วนช่องท้องที่อยู่ใต้สะดือ) มาขับเคลื่อน                                                                            พลังซานเจียวต้องอาศัยพลังจากอวัยวะภายใน 3 ส่วน ที่สำคัญคือ ปอด, ม้าม, ไต มาสนับสนุน กล่าวคือ -ปอด มีหน้าที่กระจายน้ำ ส่วนบนลงไปสู่กระเพาะปัสสาวะ-ม้าม มีหน้าที่ดูดซึม และ ส่งสารอาหารของเหลวที่ดีไปปอด ขับส่วนที่เสียสู่ส่วนล่างไปลำไส้เล็ก, ไต และกระเพาะปัสสาวะ -ไต เป็นตัวกำหนดน้ำ ไตช่วยให้ม้ามลำเลียงของเหลวในร่างกายได้ดีไม่ติดขัด ช่วยในการสร้างปัสสาวะและการขับถ่ายปัสสาวะก็ต้องอาศัยพลังของไต นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากการอุดกั้นของตับทำให้พลังของซานเจียวในการที่ผลักดันการขับถ่ายของน้ำจากม้าม-ปอด-ไตขัดข้องการวินิจฉัยแยกโรค ผู้ป่วยที่มีอาการของต่อมลูกหมากโต จึงสามารถแยกโรคตามสาเหตุที่ต่างกันดังนี้1. พลังไตหยางพร่อง ปัสสาวะไม่คล่อง ติดขัด ไม่มีแรงเบ่ง สีหน้าขาวซีด ใบหน้าไม่มีชีวิตชีวา เอว, หัวเข่า รู้สึกเย็น และปวดเมื่อย …

ต่อมลูกหมากโต ในทัศนะแพทย์แผนจีน Read More »

“7 ลดน้อย” ตามศาสตร์แพทย์จีน

คนเราในวัยหนุ่มสาว พลังชีวิตหรือพลังหยางของร่างกายกำลังเต็มเปี่ยมเหมือนกับดวงอาทิตย์ในช่วงเช้าจนถึงเที่ยง พอวัยกลางคนพลังหยางของร่างกายค่อยๆ ถดถอย จนถึงวัยชราก็เหมือนกับหลัง 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน ดูทุกอย่างกำลังกับเข้าสู่ความสงบ ความหยุดนิ่ง นั่นคือ กฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ การแสวงหาสมดุลแห่งชีวิต และการมีสุขภาพที่แข็งแรงอายุยืนยาวเพื่อให้ความฝันเข้าใกล้อายุไขที่ยาวนานมากที่สุดโดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บให้ทนทุกข์ทรมาน  เป็นความประสงค์สูงสุดหนึ่งของมนุษย์ คนจำนวนมากไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เมื่อถึงวัยนี้ยังมีความพยายามเหมือนคนหนุ่มสาว ไม่ย่อท้อต่อชีวิตเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและน่าให้กำลังใจ แต่ควรคำนึงถึงสภาพร่างกายและสัจธรรมแห่งชีวิตควบคู่ไปด้วย จะทำให้เรามีความสุขในการต่อสู้กับปัญหาได้ดีขึ้น การปฏิบัติตนของผู้สูงอายุในชีวิตประจำวัน ด้วยหลัก “7 ลดน้อย (การลดน้อย 7 ประการ)” จะทำให้สุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาวได้ 1. กินน้อย (少吃) ไม่ควรกินอิ่มมากเกินไป จะทำให้ระบบย่อย (ในผู้สูงอายุ) ซึ่งไม่ดีอยู่แล้วทำงานหนักยิ่งขึ้น ทำให้อาหารตกค้าง ไม่ย่อย ไม่สบายตัว ท้องอืด นอนไม่หลับ รวมทั้งทำให้มีโอกาสเกิดโรคอ้วน, เบาหวาน, โรคของถุงน้ำดี ฯลฯ จะทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมเร็ว 2. โกรธน้อย (少怒) การโกรธและการเก็บกดอารมณ์โกรธที่รุนแรง จะทำพลังย้อนขึ้นบนหรือติดขัด หลอดเลือดหดตัว เป็นอันตรายต่อการขาดเลือดของสมองและหัวใจ ทำให้เส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดในสมองตีบ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ …

“7 ลดน้อย” ตามศาสตร์แพทย์จีน Read More »

เวียนศีรษะ บ้านหมุน

แพทย์แผนจีนมองภาวะเวียนศีรษะ – บ้านหมุน ในภาพรวม เกี่ยวข้องกับสภาพร่างกายพื้นฐานของผู้ป่วยแต่ละรายและสิ่งก่อโรค โดยหลักการวินิจฉัยแยกแยะกลุ่มอาการ (เปี้ยนเจิ้ง 辨证) กล่าวคือ วิเคราะห์การไหลเวียนของเส้นลมปราณและสภาพร่างกาย รวมถึงปัจจัยก่อโรคที่มากระทำให้เกิดโรคเป็นสำคัญ อาการเวียนศีรษะ-บ้านหมุน หรือเสวียน-ยวิน (眩晕) หมายถึง อาการตาลาย บ้านหมุน ถ้าอาการไม่รุนแรงปิดตาอาการจะดีขึ้น ถ้าอาการรุนแรง จะมีอาการหมุนโคลงเคลงเหมือนนั่งในรถในเรือ ไม่สามารถลุกยืนได้ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก หน้าขาวซีด ร่วมด้วยแพทย์แผนจีนมีการกล่าวถึงอาการเวียนศีรษะจากปัจจัยและกลไกต่างๆ เช่น– อาการเวียนศีรษะ คือ ลมที่อยู่ส่วนบน เกี่ยวข้องกับอวัยวะตับ – อาการเวียนศีรษะ คือ ภาวะพร่องส่วนบน พลังขึ้นไปสมองไม่พอ – อาการเวียนศีรษะ เพราะไตพร่องการสร้าง ไขสมองน้อยลง – อาการเวียนศีรษะ เกิดจากเสมหะปิดกั้น ด้านบน – ลิ่วหยิน (六淫) ปัจจัยก่อโรคจากภายนอก มากระทบ – การแปรปรวนทางอารมณ์ทั้ง 7 ทำให้เกิด อาการเวียนศีรษะ – …

เวียนศีรษะ บ้านหมุน Read More »

10 เทคนิคการมอง ประเมินภาวะสุขภาพ ตามศาสตร์แพทย์จีน

แพทย์แผนจีนกับการประเมินสุขภาพแบบ Low tech แต่ High touch  ด้วยข้อจำกัดทางประวัติศาสตร์ ความรู้ และการพัฒนาการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การแพทย์แผนจีนเป็นภูมิปัญญาของมนุษยชาติที่ได้จากการสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ใช้การสังเกตโดยอาศัยประสาทรับความรู้สึกทั้ง 5 คือ ตาใช้มองดู หูใช้ฟัง จมูกใช้ดม ผิวหนังใช้สัมผัส ลิ้นใช้รับรส ปากใช้ถาม แล้วจึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาประเมิน วิเคราะห์ แยกแยะความผิดปกติของสมดุลอวัยวะภายใน การไหลเวียนเลือดและพลังที่สะท้อนให้เห็นจากภายนอก นำไปสู่การป้องกันและรักษาโรค แพทย์แผนจีนมีเทคนิคการมอง (สังเกต) จากสิ่งที่ปรากฏภายนอกแบบง่ายๆ ดังนี้ 1. ดวงตาทั้งคู่มีประกาย มีชีวิตชีวา – ตาขาว สะท้อนอวัยวะปอด                             – ตาดำ สะท้อนอวัยวะตับ – รูม่านตา สะท้อนอวัยวะไต                            – หนังตา สะท้อนอวัยวะม้าม – เส้นเลือดฝอยที่ตาขาว สะท้อนอวัยะหัวใจ ความสมบูรณ์ของอวัยวะภายในจึงสามารถมองได้จากความมีชีวิตชีวา ประกายที่เปล่งจากดวงตา 2. ใบหน้ามีสีเลือดฝาด มีน้ำมีนวล ใบหน้าเป็นตำแหน่งที่มีการไหลเวียนของเลือดและพลัง ความสมบูรณ์ของเลือดและพลังจึงสามารถมองได้จากสีเลือดและความมีน้ำมีนวลบนใบหน้า 3. เสียงพูดมีพลัง …

10 เทคนิคการมอง ประเมินภาวะสุขภาพ ตามศาสตร์แพทย์จีน Read More »

5 อวัยวะภายใน กับอาหารและการดูแล

เคยกล่าวมาตลอดว่า การดูแลสุขภาพต้องให้การดูแลแบบองค์รวม ไม่เน้นดูแลอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง จนลืมดูแลส่วนอื่นๆในร่างกายไป วันนี้เราจะมาเรียนรู้การดูแลอวัยวะตับ ไต หัวใจ ม้าม และปอด โดยเฉพาะเรื่องอาหาร ไปดูกันว่าอาหารและการดูแลอวัยวะแต่ละส่วนนั้น มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง อาหารและการดูแลอวัยวะตับ การนอนหลับกลางคืนต้องหลับสนิท โดยเฉพาะช่วง 1.00-3.00 น. กินผักผลไม้สีเขียว สีเขียวเข้าอวัยวะตับ ขับพิษขับร้อนในตับ เช่น มะนาว ส้มโอ กินผักผลไม้สีเขียว สีเขียวเข้าอวัยวะตับ ขับพิษขับร้อนในตับ เช่น มะนาว ส้มโอ เคี้ยวเก่ากี้หรือชงน้ำเก่ากี้ ดื่มเป็นประจำ ช่วยบำรุงตับและขับสารพิษ กดจุดไท่ชง(太冲穴) บ่อยๆ ครั้งละ 3-5 นาที การร้องไห้ ระบายพิษของตับ(ตับเปิดทวารที่ตา) เป็นการไห้ช่วยระบายความเครียดทางอารมณ์ อาหารและการดูแลอวัยวะหัวใจ ดีบัว-ขับพิษร้อนหัวใจ ใช้ดีบัว  10 กรัม  ใบไผ่ 1 กำมือ ใส่ชะเอมเทศ 5-6 แผ่น ต้มดื่ม ช่วงเวลา 11.00-13.00 น.พลังวิ่งในเส้นลมปราณหัวใจสูงสุด  …

5 อวัยวะภายใน กับอาหารและการดูแล Read More »

ไขมันพอกตับ กับการรักษาด้วย แพทย์แผนจีน

“ไขมันพอกตับ” โรคที่เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรคอ้วน ยา สารพิษ การขาดสารอาหาร โรคเบาหวาน โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยาของตับ ทำให้มีการสะสมของไขมันที่ตับมากเกินไป ปัจจุบันแม้ว่าระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่เกิดปัญหาด้านอาหารและมาตรการการป้องกัน ทำให้อัตราการเกิดไขมันในตับยังคงเพิ่มขึ้น และพบในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยลง ซึ่งปัจจุบันไขมันสะสมในตับเป็นโรคที่พบบ่อยจนกลายเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้คน อัตราการเกิด ไขมันพอกตับ ในประเทศจีนสูงถึง 8.4 – 12.9 % ซึ่งพบบ่อยเป็นอันดับ 2 รองจากโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ มักพบมากในผู้สูงอายุ ที่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง ช่วงอายุที่พบมากที่สุดคือ 40 – 50 ปี ไขมันพอกตับ จัดว่าเป็นโรคไม่ร้ายแรงเฉกเช่นมะเร็ง มักค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวิทยา มีอัตราถึง 25% และ 1.5 – 8% ของผู้ป่วยอาจพัฒนาไปสู่โรคตับแข็ง ซึ่งในที่สุดการทำงานของตับจะล้มเหลวจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงไม่ควรละเลยที่จะให้ความสำคัญกับอันตรายของโรคนี้ ภาวะ ไขมันพอกตับ มักจะไม่มีอาการที่เห็นได้เด่นชัด ส่วนมากมีอาการอ่อนเพลีย มักตรวจพบตอนตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลว่ามีไขมันในเลือดสูงและจากผลอัลตราซาวน์มีไขมันพอกตับ สำหรับคนที่อ้วนขึ้นเรื่อยๆ หรือคนที่อดอาหารเพื่อลดความอ้วนแต่ไม่ได้ผลยิ่งมีความจำเป็นต้องตรวจภาวะ …

ไขมันพอกตับ กับการรักษาด้วย แพทย์แผนจีน Read More »

แพทย์แผนจีน กับ การออกกำลังกาย

เป็นที่ยอมรับกันว่า การออกกำลังกาย มีความสำคัญต่อการสร้างเสริมสุขภาพ โดยตรรกะแล้ว คนที่ไม่มี การออกกำลังกาย เลยก็ควรจะอายุสั้น แต่บ่อยครั้งกลับพบว่านักกีฬาที่เคยสร้างชื่อเสียงสมัยหนุ่มสาวหลายคนมีอายุสั้นอย่างเหลือเชื่อ เช่น ฟลอเรนซ์ จอยเนอร์ นักวิ่งสาวลมกรดเสียชีวิตในปี 2541 ขณะมีอายุเพียง 38 ปีเท่านั้น บางคนสงสัยตั้งคำถามว่าระหว่างคนที่ทำงานใช้แรงงานกายทั้งวัน (เช่น ผู้ใช้แรงงาน กรรมกร ชาวนา) กับคนที่นั่งสมาธิมากๆ ไม่ค่อยใช้แรงงานกาย (เช่น นักบวช พระ) ใครจะมีอายุยืนยาวกว่า เต่า เป็นสัตว์ที่ไม่ชอบเคลื่อนไหว แม้ว่าเคลื่อนไหว ก็เชื่องช้าอืดอาด กลับมีอายุยืนยาว นกกระเรียน เป็นนกที่อยู่โดดเดี่ยว ขณะบินก็เคลื่อนไหวนุ่มนวลเชื่องช้า ก็มีอายุยืนยาว แมลงพวก mayfly ที่เคลื่อนไหวเร็วกลับมีอายุสั้น ปัญหาเรื่องการออกกำลังกาย ความหมายปัจจุบัน กับโบราณแบบจีนก็มีทัศนะแตกต่างกันหลายด้าน การออกกำลังกาย ในทัศนะแพทย์แผนจีนประสานการเคลื่อนไหวกับการหยุดนิ่ง – ความสมดุล ของยินหยางแพทย์แผนจีนมองว่าการเคลื่อนไหวเกิดหยาง  การเคลื่อนไหวก็มีข้อดีของการเคลื่อนไหวการหยุดนิ่งเกิดยิน  การหยุดนิ่งก็มีข้อดีของการหยุดนิ่งแพทย์จีนที่ให้ความสำคัญกับ  ” การเคลื่อนไหว ” คือ ท่านปรมาจารย์ ฮั้วถอ (  หมอฮูโต๋) ท่านกล่าวว่า  ” การเคลื่อนไหวทำให้พลังเคลื่อน หลอดเลือดไม่ติด …

แพทย์แผนจีน กับ การออกกำลังกาย Read More »

หน้าร้อน มีวิธีดูแลสุขภาพอย่างไร?

ในหน้าร้อนระบบการย่อยอาหารจะทำงานน้อยลง ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกหิว การปฏิบัติตัวสำหรับการกินอาหารที่เหมาะสมในหน้าร้อนนั้น พอสรุปได้ ดังนี้ 1. ข้าวต้มมื้อเช้าตอนตื่นนอน ท้องจะว่างเนื่องจากกระเพาะอาหารพร่อง ควรเริ่มต้นมื้อเช้าด้วยอาหารอ่อนๆ เพราะในหน้าร้อน ร่างกายได้รับการกระตุ้นจากความร้อนทั้งกลางคืนและกลางวัน ทำให้สูญเสียน้ำ การทำงานของระบบย่อยและดูดซึมอาหารลดลง จึงยิ่งต้องถนอมการทำงานของกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นด่านสำคัญที่จะย่อยสารอาหารเพื่อนำไปใช้ประโยชน์แก่ร่างกาย ข้าวต้มอาจผสมถั่วเขียว, เมล็ดบัว หรือรากบัว ซึ่งเป็นอาหารที่ย่อยง่ายและช่วยขับความร้อน เสริมระบบการทำงานของกระเพาะอาหารและม้าม 2. ควรกินผลไม้ที่แพทย์แผนจีนถือว่ามีคุณสมบัติเย็น ขับร้อน เพิ่มน้ำในร่างกายผลไม้ที่มีคุณสมบัติเย็น เช่น แตงกวา, แตงโม, แตงไทย, มังคุด, สับปะรด, สาลี่ เป็นต้น เหมาะสำหรับ กินแก้กระหายและขับร้อนในร่างกาย แต่ไม่ควรแช่เย็นจัด หรือกินในตอนกลางคืน หรือขณะที่ท้องว่างหรือเวลาหิวจัด 3. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทฤษฎีแพทย์จีนถือว่ามีคุณสมบัติร้อน อาหารทอดๆ มันๆ แห้งๆควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกทอดๆ มันๆ เช่น ถั่วทอด,  กล้วยแขก, ปาท่องโก๋, ไก่ทอด ฯลฯ หรืออาหารที่มีคุณสมบัติร้อน เช่น น้อยหน่า, ทุเรียน, ลิ้นจี่, ลำไย, ขนุน …

หน้าร้อน มีวิธีดูแลสุขภาพอย่างไร? Read More »