บทความสุขภาพฉบับสามหลวง

5 สมุนไพรบำรุงตับ

สมุนไพรมีทั้งที่บำรุงตับและไต ปรับสมดุลอวัยวะต่างๆ  ช่วยการย่อยอาหาร ช่วยกระตุ้นการขับน้ำดี ช่วยดึงรั้งเลือดไม่ให้ระบายมากไป หลิงจือ (灵芝) ฤทธิ์กลางๆ เข้าเส้นลมปราณสู่อวัยวะภายในทั้ง 5 คือ หัวใจ ปอด ตับ ม้าม ไต (归心、肺、肝、肾经) ทำให้ขอบเขตการใช้ทางคลินิกค่อนข้างที่กว้างขวางครอบคลุม ระบบไหลเวียนเลือด ระบบทางเดินหายใจ ระบบย่อยและดูดซึม ระบบประสาทและระบบฮอร์โมนต่อมไร้ท่อ ระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งโรคทางอายุรกรรม โรคสตรี โรคเด็ก โรคทางหูคอ ตา จมูก ฯลฯ เนื่องจากรสหวาน ฤทธิ์กลางๆ ไม่มีพิษ (甘平无毒) ไม่ร้อนหรือเย็น ทำให้ใช้ได้ทั้งคนที่มีพื้นฐานร่างกายร้อน(หยาง)และร่างกายเย็น(ยิน) ใช้เป็นทั้งอาหารและเป็นทั้งยา (药食两用) ใช้ในการปรับสมดุลองค์รวมทั้ง 2  ทิศทาง คือทั้งบำรุงและขับระบาย(整体上双向调节人体机能平衡) สรรพคุณ กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว Macrophage ต้านมะเร็ง เป็นสมุนไพรที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ไม่มีพิษหรือผลข้างเคียง จึงมีความปลอดภัย โดยออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว Macrophage ซึ่งทำหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็ง กระตุ้นการสร้าง interleukin-2 (白细胞介素-2)ในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง กระตุ้นปริมาณเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจ ลดการใช้ …

5 สมุนไพรบำรุงตับ Read More »

การฟื้นฟู ดูแลตับด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน (2)

การประยุกต์นำมาใช้ทางคลินิก 1. ตับเป็นเสมือนคลังเลือด หรือธนาคารกลาง ขณะที่เราเคลื่อนไหว เลือดจากตับจะถูกส่งไปหล่อเลี้ยง ดวงตา แขน ขา เอ็น ข้อต่อต่างๆ ที่อยู่ส่วนปลายของร่างกาย ถ้ามีสิ่งเร้ามากระตุ้น ทำให้จิตอารมณ์แปรปรวน โดยเฉพาะอารมณ์โกธร โมโหฉุนเฉียว เลือดจะถูกผลักไปสู่ส่วนบน ทำให้หน้าแดง หัวใจเต้นแรง หายใจเร็ว หลอดเลือดหดตัว หลอดลมตีบ ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมองแตกได้ ในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ตับทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนแองจิโอเท็นซินโนเจน(Angiotensinogen) ทำหน้าที่ร่วมกับฮอร์โมนจากไตควบคุมเกี่ยวกับความดันโลหิต ทางการแพททย์แผนจีน ภาวะหยางของตับแกร่งทำให้ภาวะความดันโลหิตสูง 2. การนอนหลับ  การปิดตา การปล่อยวาง นั่งสมาธิ จะลดการกระตุ้นจากการมองเห็น เกี่ยวข้องกับลดการนำเลือดออกจากตับไปยังแขนขา ศีรษะ สมอง แต่จะนำเลือดกลับมาสู่ที่ตับแทน ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน  ตับเปิดทวารที่ตา(肝开窍于目) “เวลาร่างกายเคลื่อนไหว เลือดอยู่ที่เส้นลมปราณภายนอก เวลาคนจิตใจสงบ ร่างกายหยุดการเคลื่อนไหว เลือดจะกลับเข้าตับ” ขณะที่เรานอนหลับ เลือดจะถูกลำเลียงกลับมาที่ช่องท้อง ผ่านตับ เพื่อเก็บสะสมและหล่อเลี้ยงอวัยวะภายใน ทำให้อวัยวะภายในได้รับอาหารหล่อเลี้ยง ขณะเดียวกันเลือดที่ผ่านตับก็จะได้รับการทำลายพิษต่างๆ 3. ตับทำหน้าที่ทำลายสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย ทั้งจากอาหารที่รับประทานเข้าไป …

การฟื้นฟู ดูแลตับด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน (2) Read More »

การฟื้นฟู ดูแลตับด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน (1)

สถานการณ์ของโรคมะเร็งในภาพรวมของประเทศไทย จากสถิติ พบว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 คิดเป็นร้อยละ 16 ของต้นเหตุการเสียชีวิตทั้งหมด สูงกว่าอันตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และโรคหัวใจเฉลี่ย 2 ถึง 3 เท่า หรือมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเฉลี่ย 8 รายต่อชั่วโมงในปี พ.ศ.2561 พบว่า มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ โดยประมาณอยู่ที่ 170,495 ราย และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งประมาณ 114,199 รายสำหรับ 5 อันดับแรกของมะเร็งที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ โรคมะเร็งตับ เป็นมะเร็งที่พบได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโรคมะเร็งที่เกิดในผู้ชายไทย โดยมักพบในคนอายุ 30-70 ปี และพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2-3 เท่า เนื่องจากเพศชายมีปัจจัยเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง โดยโรคมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ เนื่องจาก 90% ของมะเร็งตับเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีจึงมีโอกาสเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับสูง หากมีมะเร็งตับเกิดขึ้น มะเร็งตับจะโตขึ้นเป็น 2 เท่าภายในเวลา 3-6 เดือน ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง   1 ใน …

การฟื้นฟู ดูแลตับด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน (1) Read More »

“ปาก” บอกความผิดปกติของสุขภาพได้

พูดถึงปากคน หลายคนได้ดิบได้ดีเพราะปาก บางคนประสบเคราะห์กรรมก็เพราะปากโดยแท้ มีให้พบเห็นบ่อย คำพูดที่ออกมาจากปากก็สำคัญเป็นการสะท้อนอุปนิสัย ทัศนคติ การศึกษา การได้รับการอบรมเลี้ยงดู คนจีนโบราณเชื่อว่า นอกจากเหตุปัจจัยของการบ่มเพาะจากสังคมและสิ่งแวดล้อมแล้ว ลักษณะของปากจะเป็นตัวกำหนดพื้นฐานอุปนิสัยดั้งเดิม และกำหนดการแสดงออกของบุคลิกภาพได้ด้วย คนที่มีลักษณะเด่นของธาตุใดธาตุหนึ่งจะมีบุคลิกภาพจิตใจ ที่โน้มเอียงไปแบบหนึ่งลักษณะเด่นของธาตุก็จะไปแสดงออกที่อวัยวะต่าง ๆ เช่น จมูก หู ตา ปาก คิ้ว ซึ่งเป็นภาพจำลอง (holographic) ของร่างกายทั้งร่างกาย จึงทำให้โหงวเฮ้งของคนมีความแตกต่างกันไป จึงมีความเป็นไปได้ในหลักทฤษฎีแพทย์จีน สภาพความเป็นอยู่(ทางเศรษฐกิจ สังคม) ส่งผลต่อสภาพร่างกายและจิตใจ สภาพจิตใจก็มีผลต่อร่างกาย ต่อสีสัน ความมีชีวิตชีวาของใบหน้า ดวงตา จมูก ฯลฯ ซึ่งแน่นอน ความสุขที่เกิดขึ้นทางกายและใจ มีผลต่อลักษณะของอวัยวะและสภาพต่างๆ ของใบหน้า ซึ่งเสมือนเป็นกระจกสุขภาพที่ปรากฏสู่ภายนอก คนที่มีลักษณะปากเล็ก-บางรูปร่างมักจะผอมอ่อนแอ ไม่ทนต่องานหนัก อาจเรียกว่าเป็นคนไม่แข็งแรงทำงานหนักไม่ได้ ถ้าในภาวะที่ต้องเจอกับภาวะตรากตรำก็จะลำบาก แต่ถ้าเป็นดารา ทำงานไม่ใช้แรงงานกาย งานเจรจาติดต่อ ก็อาจจะเหมาะสมกับสภาพของสังคม ก็อาจเรียกว่าดีได้ เราจึงพบปรากฏการณ์ที่ดารา นักแสดงจำนวนมากที่ดูแล้วหุ่นดี ร่างกายผอม-เพรียว ทั้งที่สุขภาพไม่ดีเป็นภาพที่สังคมยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ดี ในขณะที่บางคนที่มีความสมบูรณ์อิ่มเอิบของใบหน้า ที่แสดงความอยู่ดีกินดี …

“ปาก” บอกความผิดปกติของสุขภาพได้ Read More »

สรรพคุณของ “พริกไทย” ในแพทย์แผนจีน

มีความเข้าใจเกี่ยวกับพริกไทยผิดๆถูกๆ หลายประการ เช่น กินพริกไทยทุกวันสุขภาพจะดี กินพริกไทยมากๆจะลดความอ้วนได้ พริกไทยเป็นยาบำรุงพลังทางเพศที่ดี ลองมาพิจารณาคุณสมบัติและสรรพคุณที่บันทึกไว้ในตำราเกี่ยวกับยาสมุนไพรจีน คุณสมบัติและรสของพริกไทยพริกไทยมีรสเผ็ด คุณสมบัติอุ่น ไม่มีพิษ วิ่งเส้นลมปราณกระเพาะอาหารลำไส้ใหญ่ สรรพคุณหลักของพริกไทยทำให้พลังลงสู่ส่วนล่าง อุ่นกระเพาะอาหาร ขับเสมหะ ขับพลังเย็นของอวัยวะจั้งฝู่ (อวัยวะภายในทั้งกลวงและตัน) ขับความเย็นในกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารย่อยได้ดีขึ้น รักษาอหิวาต์ที่มีอาเจียนร่วม อาการปวดแน่นลิ้นปี่เนื่องจากความเย็นย้อนขึ้นข้างบน บำรุงพลังของไต แก้บิดที่เป็นชนิดเย็น ฆ่าพิษของอาหารพวกปลา ปู เนื้อสัตว์ หรือเห็ด รักษาอาการปวดฟัน หลี่สือเจิน บันทึกไว้ว่าพริกไทย รสเผ็ดจัด คุณสมบัติร้อน จัดเป็นพืชที่เป็นหยาง เหมาะสำหรับคนที่กระเพาะอาหารเย็นชื้น(อาการอาเจียน ปวดท้องใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบดีขึ้น กลัวหนาว แขนขาเย็น ลิ้นซีดฝ้าขาว ชีพจรลึกช้า)  กินพริกไทยมากเกินไปมีโทษอะไรบ้างทำให้ตาลาย เวียนศีรษะ เกิดฝีหนองเนื่องจากพริกไทยมีคุณสมบัติร้อนและแห้ง ถ้ากินมากทำให้ม้าม กระเพาะอาหาร ปอดถูกทำลายปอดแห้ง ปอดร้อน ทำให้เกิดฝีที่ผิวหนัง มีการอักเสบ เพราะรสเผ็ดวิ่งเส้นลมปราณปอดกระจายสู่ผิวหนังกระเพาะอาหาร ม้าม ร้อนแห้ง เกิดอาการอาเจียนเป็นเลือดคนที่กินพริกไทยมากและบ่อยเกินไป ทำให้ตาอักเสบได้ง่าย ทำให้คอบวมอักเสบเจ็บคอบ่อย เป็นแผลในปากและฟันอักเสบเป็นหนอง ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพริกไทย– พบว่าการกินพริกไทยจะเพิ่มการหลั่งน้ำย่อยของระบบทางเดินอาหารและเพิ่มการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้– …

สรรพคุณของ “พริกไทย” ในแพทย์แผนจีน Read More »

เรื่องของ”น้ำจับเลี้ยง” เครื่องดื่มสมุนไพรจีนแก้ร้อนใน

หลายคนคงจะคุ้นเคยกับน้ำต้มสมุนไพรจีนพื้นบ้านของชาวจีน เมื่อเวลามีไข้ เจ็บคอ คอแห้ง มีแผลร้อนในในปาก ในช่วงของอากาศเปลี่ยนหรือทานอาหารฤทธิ์ร้อน อาหารทอด อาหารเผ็ด มักจะได้รับคำแนะน้ำให้ไปดื่มสมุนไพรแก้ร้อนใน ที่รู้จักและคุ้นเคยในภาษาไทยทับศัพท์จีนแต้จิ๋วว่า “น้ำจับเลี้ยง” (จับเหลี่ยงจุ้ย杂凉水) หรือ “ชาจับเลี้ยง”(杂凉茶)     ความหมายของ “จับเลี้ยง”      จับเลี้ยง (จีนตัวย่อ: 杂凉; จีนตัวเต็ม: 雜涼) เป็นคำอ่านของภาษาจีนแต้จิ๋ว 杂 : จีนกลางอ่านว่า จ๋า  zá แปลว่า เบ็ดเตล็ด หลายอย่าง ปนเป คละรวมกัน 凉 : จีนกลางอ่านว่า เหลียงท liáng แปลว่า เย็น น้ำจับเลี้ยง หมายถึง ของเย็นหลายอย่าง คือ เครื่องดื่มหรือน้ำจากสมุนไพรฤทธิ์เย็นหลายชนิดมารวมกัน ไม่จำเป็นว่าต้องเป็น 10 อย่าง(คำกับจับ(杂) ภาษาแต้จิ๋วพ้องเสียงกับคำว่าจั้บ(十) ซึ่งแปลว่า 10 ทำให้เข้าใจผิดว่า น้ำจับเลี้ยง ใช้สมุนไพร …

เรื่องของ”น้ำจับเลี้ยง” เครื่องดื่มสมุนไพรจีนแก้ร้อนใน Read More »

นอนเท่าไหร่…ก็ไม่รู้จักพอ

เรามักจะเจอคนบางคนมีอาการ นั่งที่ไหนก็ง่วงหลับที่นั่น ทั้งๆที่ไม่ได้อดหลับอดนอนมา หลับแล้ว ตื่นขึ้นมาก็ยังรู้สึกว่านอนไม่พอ ยังอยากจะหลับต่อ คนที่มีลักษณะเช่นนี้มักไม่ค่อยจะสดชื่น มีแต่ความรู้สึกอยากจะนอนทั้งวัน แต่มักจะตื่นง่าย หลังจากตื่นก็ขอนอนหลับต่อ ทางการแพทย์แผนปัจจุบันถือว่าเป็นความผิดปกติของระบบประสาท (การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ) ลักษณะแบบนี้ อาจพบได้ในคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ตัวร้อนเรื้อรัง ทำให้อ่อนเพลีย ต้องการพักผ่อน หรือระยะที่โรคกำลังรุนแรง ในที่นี้จะกล่าวถึงคนปกติที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แต่ชอบง่วงเหงา หาวนอนเป็นประจำ แพทย์แผนจีนมองว่า การนอนหลับเป็นภาวะยิน การตื่นนอนเป็นภาวะหยาง คนที่ง่วงนอนแสดงว่ายินแกร่ง (ยินเกิน) เพราะภาวะของหยางพร่อง (หยางขาด) ภาวะของหยางพร่อง มาจากการทำงานของม้ามน้อยลง ทำให้มีการอุดกั้นของเสมหะ และความชื้น หรือภาวะอุดกั้นของเสมหะและความชื้นทำให้พลังม้ามพร่อง มักจะพบในคนที่อ้วนได้บ่อยกว่าคนผอม เพราะในคนอ้วนถือว่ามีการสะสมไขมัน (เสมหะหรือความชื้น) ในร่างกายมาก ยิ่งถ้ากินอาหารอิ่มใหม่ๆ ระบบย่อยอาหาร หรือกระเพาะอาหารมักต้องทำงานหนัก พลังของม้ามจะอ่อนเปลี้ย ความอยากนอนจึงมัก เกิดได้ง่าย (ทางแพทย์แผนปัจจุบัน มองว่าขณะย่อยอาหาร เลือดจะไปเลี้ยงสมองน้อยลง ทำให้หนังท้องตึง หนังตาหย่อน) และสำหรับคนผอมก็มีสิทธิ์จะง่วงนอนผิดปกติได้หมือนกัน ถ้าอยู่ในภาวะที่เจ็บไข้เรื้อรังหรือร่างกาย อ่อนเพลีย ที่ทำให้การย่อยอาหารและการดูดซึมไม่ดี เป็นภาวะที่พลัง ทั่วร่างกายพร่องเลือดก็จะไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้ง่วงนอนได้ง่าย …

นอนเท่าไหร่…ก็ไม่รู้จักพอ Read More »

“ไข่มุก” มหัศจรรย์แห่งความงาม

พูดถึง “ไข่มุก” เรามักจะคิดถึงเรื่องความสวยความงาม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับที่สวยงามส่องแสงสะท้อนจากสายสร้อยคล้องคอหรือคล้องมือ หรือบางคนอาจคิดถึงเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของไข่มุกที่ใช้ทาบนใบหน้าแล้วทำให้ผิวสวยเนียน อ่อนนุ่ม ถนอมผิวพรรณ ความจริงไข่มุกมีคุณสมบัติทางยาสมุนไพรจีนที่มีการบันทึกมานาน มีการใช้ผสมเป็นตัวยาในการรักษาโรคเหมือนสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติและสรรพคุณที่แน่นอน การคาดหวังผลของไข่มุกจึงจำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของไข่มุกด้วย ส่วนประกอบของไข่มุก ไข่มุกมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งมีปริมาณมากกว่าร้อยละ 90 ส่วนที่เป็นสารอินทรีย์ประมาณร้อยละ0.34 นอกนั้นยังประกอบด้วยแมกนีเซียม เหล็ก เกลือซิลิเกท เกลือซัลเฟต เกลือฟอสเฟต และสารคลอไรด์ ซึ่งเป็นส่วนน้อย เมื่อทำการเผา เกลือคาร์บอเนตจะถูกทำลาย เกิดเป็นแคลเซียมคาร์ไบด์ และสารอินทรีย์ก็จะถูกสลายไปด้วย คุณสมบัติและสรรพคุณทางยาตามทฤษฎีแพทย์แผนจีนโดยธรรมชาติ ไข่มุกจะมีคุณสมบัติเย็น มีรสออกหวานและเค็ม วิ่งเส้นลมปราณของตับและหัวใจ สรรพคุณ1. สงบตับ เพิ่มยิน ลดภาวะหยางสู่เบื้องบน คุณสมบัตินี้ใช้รักษาโรคหรือภาวะที่มียินพร่อง ทำให้หยางแกร่งและลอยสู่เบื้องบน หรือภาวะหยางของตับแกร่ง ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการมึนงง ปวดศีรษะ มีเสียงดังในหู หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ตรวจดูลิ้นมีสีแดง ฝ้าบนลิ้นน้อย ชีพจรตึง 2. ลดความร้อนของไฟตับ ทำให้สายตาดีขึ้น ช่วยลดอาการตาบอดกลางคืน สายตามัวเนื่องจาก ยินของตับพร่อง ภาวะไฟตับกำเริบ จะแสดงออกที่ตา ตาแดง หน้าแดง เวียนศีรษะ …

“ไข่มุก” มหัศจรรย์แห่งความงาม Read More »

การตรวจโรคและพยากรณ์โรคจากดวงตา

ตำราแพทย์แผนจีนกล่าวถึงดวงตาไว้หลายประการ ดังนี้“ดวงตาเป็นประตูของตับ และมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอวัยวะภายในจั้งฝู่”“จิงซี่ พลังของสารจิงของอวัยวะภายใน ล้วนไหลมาบรรจบกันที่ดวงตา”“นัยน์ตาเป็นเครื่องวัดความฉลาด ไหวพริบ และประสาทแห่งความรู้สึกของคนได้อย่างแท้จริง เพราะสามารถอ่านอุปนิสัย อารมณ์ และความรู้สึกของคนได้จากนัยน์ตาเป็นจุดแรก” การตรวจโรคและพยากรณ์โรคจากดวงตา1. ดูประกายราศี ความมีชีวิตชีวาของดวงตาการมองเห็นชัดเจน ขอบตาดำตาขาวแบ่งกันชัดเจน มีประกายแสงซ่อนอยู่ภายใน มีน้ำตาหรือน้ำหล่อเลี้ยงตาคลอเบ้าเล็กน้อย (ตาไม่แห้งผาก) เรียกว่าตามีชีวิตชีวา มีราศี ถ้ากำลังป่วยเป็นโรค โรคก็สามารถรักษาให้หายได้ เพราะพลังชีวิตยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ตรงกันข้าม ถ้าการมองเห็นพร่ามัว ตาขาวไม่ขาวสะอาด ขอบตาดำตาขาวสีแบ่งไม่ชัดเจน ดวงตาขุ่นมัวไม่มีประกาย ไม่มีน้ำตาหรือน้ำหล่อเลี้ยงตา (ดวงตาแห้งผาก) เรียกว่าตาที่ไร้ชีวิตชีวา ขาดราศี ถ้ากำลังป่วยเป็นโรค ก็จะรักษาให้หายยาก เพราะพลังชีวิตอ่อนแอ2. ดูสีของดวงตาถ้าตาแดงก่ำและบวมทั้งดวงตา แสดงว่า เป็นลมร้อนของเส้นตับหรือไฟตับขึ้นสู่เบื้องบน ซึ่งมีอาการปวดหนักศีรษะ เวียนศีรษะ หงุดหงิดโกรธง่าย หูไม่ได้ยิน หน้าแดง ตาแดง ปากขม คอแห้ง ปวดแน่นชายโครง ถ้าเปลือกตาแดงและอักเสบ แสดงว่า มีความร้อนสะสมที่ม้าม กระเพาะอาหาร ซึ่งมักมีพื้นฐานจากการบริโภคอาหารผิดหลัก เช่น กินอาหารมัน นม เนย …

การตรวจโรคและพยากรณ์โรคจากดวงตา Read More »

ยาอายุวัฒนะที่ต้องปรุงเอง : การทำงานกับการพักผ่อน

อาชีพการงานของผู้คนในทุกวันนี้มีหลากหลาย หลายอิริยาบถ บางคนต้องยืนเกือบตลอดเวลา เช่น พนักงานห้างสรรพสินค้า บางคนต้องนั่งกับเก้าอี้ เช่น พนักงาน คอมพิวเตอร์ นักบริหาร บางคนใช้สมอง บางคนใช้แรงงานกาย บางคนใช้สายตา บางคนเดินมาก ทำให้อิริยาบถต่างๆ หนักไปด้านใดด้านหนึ่ง เกิดการเสียสมดุล ในคัมภีร์หวงตี้เน่ยจิง (มีอายุกว่า 2,400 ปี) ได้กล่าวถึงอิริยาบถและท่าทางพื้นฐานในการดำรงชีวิต ของมนุษย์ไว้ว่า “การเพ่งดูนานๆ ทำลายเลือด การนอนนานทำลาย พลัง การนั่งนานทำลายกล้ามเนื้อ การยืนนานทำลายกระดูก การเดินนานทำลายเอ็น” การอยู่ในอิริยาบถใดๆ ที่นาน เกินไป คำว่า “นาน” คือ “มากเกินไป” รวมถึงการใช้แรงงานกาย หรือแรงงานสมองที่มากเกินไป การใช้แรงงานกายมากเกิน ไปหรือออกกำลังกายเกินควรแทนที่จะเป็นการเสริมสร้างร่างกาย กระตุ้นการทำงานระบบต่างๆ ช่วยให้การกินอาหารดีขึ้น ตรงข้ามกับทำให้ระบบม้าม-กระเพาะอาหาร อ่อนแอ อาการเริ่มแรก คือ การปวดเมื่อยทั้งร่างกาย แขนขาอ่อนแรง เมื่อยล้า อุจจาระเหลว อาหารไม่ย่อย มีอาหารและของเหลวตกค้าง ไม่ดูดซึม ร่างกายซูบผอม …

ยาอายุวัฒนะที่ต้องปรุงเอง : การทำงานกับการพักผ่อน Read More »

การดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝนในสถานการณ์โควิด-19 (ในทัศนะแพทย์แผนจีน)

ช่วงหน้าฝน สำหรับคนกรุงเทพฯ นอกจากทำให้คิดถึงรถติด การสัญจรลำบากต้องพกร่มติดตัว พื้นดินเฉอะแฉะ เสื้อผ้าไม่แห้ง อาหารขึ้นราง่าย ต้องสระผมกันบ่อยเพราะโดนละอองฝน ฯลฯ นับเป็นความทุกข์อีกแบบหนึ่ง  เมื่อเทียบกับหน้าร้อนที่แสนจะร้อน หงุดหงิด กระหายแต่น้ำเย็น ปีนี้ยังมีความกังวลพิเศษว่าโรคโควิด-19 จะกลับมาระบาดมากขึ้นอีกครั้งหรือเปล่า สำหรับหน้าฝนปีนึ้ยังอยู่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19  แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวันมีจำนวนลดลงเป็นตัวเลขหลักเดียวมาหลายวันแล้ว จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายและออกจากโรงพยาบาลมีตัวเลขที่สูงขึ้น กล่าวได้ว่ามีแนวโน้มที่จะควบคุมการระบาดได้อย่างดีเยี่ยม แต่เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ยังคงไม่มีภูมิค้มกันต่อโรคโควิด-๑๙ ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งและรอการการค้นพบวัคซีนที่มีความปลอดภัยมาฉีดสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้คนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น  จึงกล่าวได้ว่าการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันแบบธรรมชาติที่มาแต่กำเนิด (Innate immunity)ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นกลไกด่านแรกในการต่อสู้กับไวรัสและยังมีความเกี่ยวโยงกับการสร้างภูมิคุ้มกันจำเพาะเมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย(Acquired immunity) ปรับสมดุลร่างกาย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายในทัศนะแพทย์แผนจีน หมายถึงการปรับสภาพร่างกายให้เข้าสู่สมดุล เนื่องจากพื้นฐานร่างกายองแต่ละคนต่างกัน หลักการและวิธีการก็มีความแตกต่างกันไปด้วย การปรับสมดุล คือการปรับพื้นฐานเลือด พลัง ความร้อน-เญ็น(ยินหยาง)ของร่างกาย รวมถึงการขจัดสิ่งตกค้างจากการไหลเวียนของเลือดและของเหลวติดขัด จนเกิดภาวะพลังติดขัด เลือดคั่งค้าง มีความชื้น เสมหะ ของเหลวในส่วนต่างๆของร่างกาย การปรับสมดุลของร่างกายเพื่อให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันสามารถดูผลลัพธ์ของการทำงานของเม็ดเลือดขาว เช่น เม็ดเลือดขาวประเภท Macrophage ที่ทำหน้าที่ทำลายด้วยโอบล้อมย่อยสลายสิ่งแปลกปลอมทุกชนิดรวมถึงไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา พยาธิ ฯลฯ การทำงานของทีเซลล์ลิมโฟไซต์  บีเซลล์ลิมโฟไซต์  …

การดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝนในสถานการณ์โควิด-19 (ในทัศนะแพทย์แผนจีน) Read More »

เหตุแห่งโรค และหลักการรักษาโรคกรดไหลย้อน (胃食管反流病)

หากจะกล่าวถึงเหตุแห่งโรคกรดไหลย้อนในมุมมองของแพทย์แผนจีน สามารถจำแนกได้ดังนี้ 1. การรับประทานอาหารไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีมื้ออาหาร อยากกินเมื่อไรก็กินตอนนั้น เช้าไม่กิน ดึกกินมาก (饮食不当) ทำให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารแปรปรวน ทำงานไม่ปกติ 2. ปล่อยให้หิวเกินไปหรือกินอิ่มเกินไป (饥饱失常) เพิ่มภาระและสร้างความสับสนกับการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และการทำงานของอวัยวะต่างๆของร่างกาย 3. อารมณ์เครียด – กังวล จะทำร้ายกระเพาะอาหารและม้าม (忧愁思虑伤及脾胃) การครุ่นคิดมากเกินไป ทำให้พลังรวมศูนย์ไม่กระจาย การระบายพลังของตับเกิดการติดขัด ส่งผลต่อการทำงานของกระเพาะอาหารและม้าม ทำให้อาหารไม่ย่อย ไม่ดูดซึม 4. การชอบรับประทานอาหารไม่สุก ฤทธิ์เย็น จะทำให้หยางของม้ามพร่อง เนื่องจากม้ามชอบความแห้งไม่ชอบความชื้น (喜燥恶湿) ชอบความอุ่น ไม่ชอบความเย็น (恶凉喜温) 5. การที่ช่องว่างส่วนกลางร่างกาย (จงเจียว中焦) ได้รับความเย็นจากอาหารหรืออากาศ จนเกิดภาวะเย็นพร่อง (虚寒) ทำให้อาหารไม่ย่อย ไม่ดูดซึม เกิดการตกค้างเกิดเป็นความชื้นและเสมหะ และย้อนกลับขึ้นด้านบนไปทางหลอดอาหาร 6. คนที่ไตหยางอ่อนแอ 肾阳虚亏 (ไตหยางเป็นการทำหน้าที่ของไตในการให้พลังอุ่นร้อนเพื่อการทำงานของอวัยวะต่างๆของร่างกาย) จะทำให้การทำงานทุกอวัยวะลดน้อย รวมถึงการทำงานของกระเพาะอาหารและม้าม การวินิจฉัยแยกแยะภาวะของโรค ในการวินิจฉัยแยกแยะภาวะของโรค …

เหตุแห่งโรค และหลักการรักษาโรคกรดไหลย้อน (胃食管反流病) Read More »

5 วิธีการดูแลกระเพาะอาหารและม้าม

5 วิธีการดูแลกระเพาะอาหารและม้าม

“ม้ามและกระเพาะอาหารเป็นรากฐานของชีวิตหลังกำเนิด”

การดูแลม้ามและกระเพาะอาหารจัดเป็นวิธีการดูแลสุขภาพที่สำคัญวิธีหนึ่ง ซึ่งสามารถกระทำได้ด้วยวิธีการ ดังต่อไปนี้

กายต้องเคลื่อนไหว – ใจต้องสงบนิ่ง เทคนิคสุขภาพดี แบบแพทย์แผนจีน

แพทย์จีน ให้ความสำคัญกับ “การเคลื่อนไหว” คือ ท่านปรมาจารย์ ฮั้วถอ (หมอฮูโต๋) ท่านกล่าวว่า “การเคลื่อนไหวทำให้พลังเคลื่อน หลอดเลือดไม่ติด ขัด ทำให้ไม่เกิดโรค เหมือนดังแกนประตูที่ไม่ผุกร่อน”

ถอดประสบการณ์จากจีน ตำรับสมุนไพรจีนป้องกันโควิด-19

จากข่าวที่โด่งดังเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าประเทศจีนได้ก้าวผ่านสถานการณ์ระบาดหนักของโรคโควิด-19 มาแล้ว และหนึ่งในวิธีการรับมือก็คือ การใช้ตำรับสมุนไพรจีน เข้ามาช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยนั่นเอง