แพทย์แผนจีน

ยาบำรุงเซ็กซ์ ส่วนหนึ่งของยาบำรุงหยาง

ยังคงมีการกล่าวถึงกันอยู่เสมอ สำหรับเรื่องของ ยาชะลอความแก่ ยาบำรุงสมรรถภาพทางเพศ โดยการกล่าวถึงเขากวางอ่อน ซึ่งมีฤทธิ์ กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนทางเพศ และทำให้ร่างกายแก่ตัวช้าลง กระปรี้กระเปร่า ในทัศนะแพทย์จีนเรื่องเหล่านี้ เกี่ยวข้องกับระบบไตยิน ไตหยางที่ควบคุมระบบการสืบพันธุ์ การเจริญเติบโต การเสื่อมถอยของร่างกาย ซึ่งครอบคลุมถึงระบบฮอร์โมนต่างๆ เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ ต่อมเพศ ต่อมหมวกไต รวมถึงระบบประสาทอัตโนมัติ (autonome nervous system) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับตัว ของร่างกาย โดยเฉพาะอวัยวะภายใน ยาบำรุงสมรรถภาพทางเพศหรือที่มักเรียกว่ายาบำรุงเซ็กซ์ จึงเป็นส่วนหนึ่งของยาบำรุงไต (ตามทัศนะแพทย์จีน) โดยเฉพาะความเสื่อมถอย ทรุดโทรม มักเกิดความพร่องตามมา ไตหยาง มีการเก็บสะสมของพลังหยาง ซึ่งเป็นพื้นฐานของกลไกระบบต่างๆ ที่ได้มาแต่กำเนิด (ทางกรรมพันธุ์) ขณะที่ไตยินจะได้รับการเสริมเติมบำรุงจากอาหารการกินและการดำเนินชีวิต ซึ่งจะช่วยการปรับสมดุลกับไตหยาง และทำให้เกิดพลังหยางในระบบต่างๆของร่างกาย พลังหยางพร่อง นอกจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์แล้ว การเจ็บป่วยเรื้อรังยาวนาน การได้รับอาหารที่มีคุณสมบัติเย็นมากหรือนานเกิน การมีเพศสัมพันธ์ที่มากเกิน (สูญเสียสารจิงทำให้สูญเสียพลังไต) ก็นับว่ามีส่วนสำคัญ ต่อไปนี้จะเสนอภาพกว้างของพลังหยางพร่อง ซึ่งจะมีอาการต่างๆหลายอย่าง การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเป็นเพียงอาการหนึ่งของพลังหยางพร่อง หยางพร่องหมายถึงพลังหยางไม่พอ กลไกการทำงานของร่างกายเสื่อมถอย ทำให้ระบบต่างๆในร่างกาย เกิดอาการหนาวเย็นผิดปกติ ทั้งนี้เป็นผลจากระบบกลไกการให้พลังความร้อน …

ยาบำรุงเซ็กซ์ ส่วนหนึ่งของยาบำรุงหยาง Read More »

ไซนัสอักเสบ กับการรับมือในแบบแพทย์แผนจีน

แพทย์แผนจีนมีรายละเอียดการรักษาไซนัสอักเสบ ดังต่อไปนี้ ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน แบ่งเป็น 3 แบบ1. เส้นลมปราณปอดร้อนแกร่ง : น้ำมูกไหลมาก ลักษณะเหนียว สีเหลืองหรือขาว แน่นจมูกมาก การรับกลิ่นลดลง ปีกจมูกบวมแดง มีอาการปวดศีรษะ มีไข้ กลัวลม กลัวหนาวเล็กน้อย ไอมีเสมหะมาก คอแห้งกระหายน้ำ ตัวลิ้นแดง ฝ้าขาวบางหรือเหลืองเล็กน้อย ชีพจรลอยเร็วหรือลอยลื่นเร็ว หลักการรักษา ขับพิษขับร้อนของปอด ทำให้ทวารปอดโล่งตำรับยา หยิงเชี่ยวซ่าน ปรับตามอาการ 2. กระเพาะอาหารม้ามร้อนชื้น : น้ำมูกเหลืองข้น แน่นจมูกรุนแรง การรับกลิ่นลดลง เยื่อบุโพรงจมูกบวมแดง ร่วมกับมีอาการเวียนศีรษะ หนักศีรษะ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ท้องอืดแน่น เบื่ออาหาร ปัสสาวะเหลือง ลิ้นแดง ฝ้าเหลืองเหนียว ชีพจรลื่นเร็ว หลักการรักษา ขับพิษร้อน ขับไฟ ขับชื้นทำให้โล่ง (ทะลวงทวาร จมูก)ตำรับยา กานลู่ เซียว ตู๋ ตาน ปรับตามอาการ 3. ถุงน้ำดีร้อนอุดกั้น : น้ำมูกเหลืองข้นเหมือนหนองปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็น การดมกลิ่นลดลง เยื่อบุโพรงจมูกบวมแดง ปวดศีรษะรุนแรง เคาะระหว่างคิ้วและ …

ไซนัสอักเสบ กับการรับมือในแบบแพทย์แผนจีน Read More »

ว่าด้วยเรื่อง ไซนัสอักเสบ

หลายคนมักเป็นไซนัสอักเสบบ่อยๆ ภายหลังอากาศเปลี่ยนแปลงโดยมีอาการโรคหวัดนำมาก่อน ในขณะที่หลายคนเป็นหวัดไม่กี่วันก็หาย หลายคนที่มีไซนัสอักเสบเรื้อรัง กินยาปฏิชีวนะมาหลายขนานอาการก็ไม่ดีขึ้น ถึงกับต้องเจาะดูดหนองและล้างโพรงจมูก บางรายที่มีการติดเชื้อลุกลาม รุนแรงเข้ากระบอกตาหรือเข้าสมองเกิดฝีในสมอง คนที่เป็นไซนัสเรื้อรังจำนวนมาก มักจะแสวงหาแพทย์ทางเลือก ตั้งแต่การพ่นยาเข้าในจมูก ใช้น้ำยากระตุ้นให้มีการไหลของหนองหรือเมือกออกมามากๆ ต้มสมุนไพรกินเองบ้าง หาหมอจีนบ้าง กินอาหารเสริมสุขภาพ กินวิตามินซีปริมาณมากบ้าง ตามแต่จะเชื่อหรือมีผู้แนะนำกันมา แพทย์แผนจีน มีแนวคิดเรื่องไซนัสอักเสบอย่างไร ต่างกับแผนปัจจุบันอย่างไร แพทย์แผนปัจจุบันมองว่า ไซนัสอักเสบ (sinusitis) เป็นภาวะโพรงอากาศรอบจมูกมีการอักเสบ แบ่งเป็น 2 ระยะ1. ระยะเฉียบพลัน คือ ระยะ 2-4 สัปดาห์แรก2. ระยะเรื้อรัง คือ เป็นนานกว่า 4 สัปดาห์ สาเหตุของไซนัสอักเสบ1. เกิดจากจุลชีพ ส่วนใหญ่เป็น แบคทีเรียประมาณร้อยละ 80 จากไวรัสประมาณร้อยละ 20 2. การทำงานของขนกวัด (cilia) ในโพรงจมูกเสียหน้าที่ หรือมีการอุดกั้นของทางเดินติดต่อระหว่างโพรงอากาศกับช่องจมูก ทำให้สารเมือกหรือหนองในโพรงอากาศระบายออกไปไม่ดี แพทย์แผนจีน : มองว่าไซนัสอักเสบเฉียบพลันเกิดจาก 2 สาเหตุ 1. สภาพร่างกายของผู้ป่วยมักอ่อนแอเป็นพื้นฐานประกอบกับการดำเนินชีวิตไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่ระมัดระวังการปรับตัวของอุณหภูมิร่างกาย (ปล่อยให้เย็น-ร้อนเกินไป) หรือมีการอ่อนล้าของร่างกาย …

ว่าด้วยเรื่อง ไซนัสอักเสบ Read More »

พลังไตย้อนกลับขึ้นบน คืออะไร

ในผู้ป่วยหอบหืดเรื้อรัง หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรังตามทัศนะแพทย์แผนจีน มีสาเหตุหลายอย่าง สาเหตุที่สำคัญ สาเหตุหนึ่งคือ ภาวะพลังไตย้อนกลับขึ้นบน (พลังไตไม่กลับที่แหล่งกำเนิดเพราะพลังไตพร่อง อ่อนแอ) ภาวะพลังไตย้อนกลับขึ้นบน”  หมายถึง ภาวะพลังไตอ่อนแอ พลังไม่สามารถกลับสู่ตำแหน่ง ดั้งเดิมของไต คือบริเวณตานเถียน ซึ่งเป็นแหล่งเก็บพลังพื้นฐานของไต ทำให้การหายใจสั้น หายใจไม่ลึก มีอาการหอบหืด มักพบว่ามีความผิดปกติร่วมกันของพลังปอดพร่องกับพลังไตพร่องควบคู่กัน อาการสำคัญคือ หอบหืดหายใจสั้น หายใจเข้าได้น้อย หายใจออกมาก ถ้าเคลื่อนไหวหรือใช้กำลังกายอาการจะรุนแรงขึ้นอาการร่วม เป็นโรคไอ หอบหืดเรื้อรัง เหงื่อออกมากผิดปกติ ใบหน้าขาดความมีชีวิตชีวา เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยอยากจะพูด เสียงพูดไม่มีพลัง เอวและเข่าเมื่อยล้าอ่อนแรง ในรายที่เป็นมากจะมีอาการหอบหืดรุนแรง มีเหงื่อเย็นออกมาก แขนขาเย็น หน้าซีดเขียวลักษณะลิ้น : ลิ้นซีด ฝ้าขาวชีพจร : ลึกและอ่อนแอสาเหตุสำคัญของ “ภาวะพลังไตย้อนกลับขึ้นบน”มาจาก1. ไอ หอบหืดเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ ทำให้โรคจากพลังปอดพร่อง พัฒนาไปทำให้พลังไตพร่องด้วย2. คนสูงอายุ มักมีพลังไตอ่อนแออยู่แล้ว เป็นเงื่อนไขที่ทำให้การรับหรือดึงพลังไตกลับตานเถียนได้น้อยกว่าปกติ3. โรคเรื้อรังที่กระทบกระเทือนต่อไต เพศสัมพันธ์ที่มากเกินไป, การทำงานเหนื่อยล้านานเกินไปอย่างต่อเนื่อง กลไกการเกิด …

พลังไตย้อนกลับขึ้นบน คืออะไร Read More »

นาฬิกาชีวิต กับวิถีแห่งธรรมชาติ

แนวคิดใหม่เกี่ยวกับนาฬิกาชีวิต เชื่อว่าภายในร่างกายมนุษย์ถูกควบคุมโดยตารางเวลาที่มีกฎเกณฑ์แน่นอน ทำให้การเคลื่อนไหวระบบการทำงาน สรีระของร่างกายก็มีจังหวะกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างคงที่ เช่น ความดันเลือด อุณหภูมิ การเต้นของหัวใจ การหายใจ ช่วงสูงสุดต่ำสุดของการหลั่งฮอร์โมนของต่อมไร้ท่อ เป็นต้น เรียกว่า “กฏเกณฑ์แห่งชีวิต” การดูแลสุขภาพกับนาฬิกาชีวิตเกี่ยวข้องกันอย่างไร? ถ้าปราศจากลักษณะมีกฎเกณฑ์ ก็ปราศจากการมีชีวิต หรืออีกนัยหนึ่ง ถ้าดำเนินชีวิตโดยไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ตามนาฬิกาชีวิต ก็เป็นการทำลายสุขภาพ (ชีวิต) การเคารพวิถีแห่งการดำเนินไปของธรรมชาติ เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพ ซึ่งตรงกับแนวคิดของเล่าจื๊อ”เป็นธรรมชาติแห่งวิถีเต๋า” นั่นเอง มีการศึกษาวิจัยพบว่านาฬิกาชีวิตของร่างกายมนุษย์มีมากกว่า 100 อย่างหรือฎเกณฑ์ตารางการทำงานของระบบต่างๆ สามารถกำหนดได้เป็นช่วงเวลา สั้นบ้าง ยาวบ้าง เป็นหลายแบบ เช่น– กฎเกณฑ์การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงที่เป็นรอบวัน เรียกว่า นาฬิกาประจำวัน– กฎเกณฑ์การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในรอบเดือน เรียกว่า นาฬิกาประจำเดือนนอกจากนี้ยังพบว่ามี นาฬิกาประจำปีและนาฬิกาของอายุขัยซึ่งเป็นนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุด ที่กำหนดวัฏจักรแห่งการเกิด-เติบโต-สูงสุด-แก่-ตาย ซึ่งในทางธรรมชาติแล้ว ถ้ามนุษย์ ปฏิบัติตัวตามกฎเกณฑ์แห่งนาฬิกาชีวิต จะสามารถมีอายุขัยถึง 120 ปี เคล็ดลับการมีสุขภาพดีและอายุยืนยาวตามกฎเกณฑ์ ของนาฬิกาชีวิต คืออะไร ข้อกำหนดระดับสากลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพล่าสุดกล่าวไว้ 2เงื่อนไข 1. การวางแผนการดำเนินชีวิตต้องมีความรู้ มีจุดมุ่งหมายในการกำหนดการเคลื่อนไหวในกิจกรรมของชีวิต โดยสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ธรรมชาติ 2. …

นาฬิกาชีวิต กับวิถีแห่งธรรมชาติ Read More »

เปิด 5 เทคนิค การกินอาหารเพื่อสุขภาพ

เหตุผลที่ระบบการย่อยและการดูดซึมอาหารไม่มีระเบียบ ไร้กฎเกณฑ์ เกิดจากการกินอาหารจุบจิบ ตามอารมณ์ กินตามใจปาก เพราะฉะนั้น เพื่อให้ระบบต่างๆในร่างกายกลับมาสู่สมดุลอีกครั้ง เราไปดู5เทคนิคการกินอาหารเพื่อสุขภาพกัน เทคนิคการกินอาหารเพื่อสุขภาพ 1. การกินข้าวต้มหรือโจ๊กเหมาะเป็นอาหารมื้อเช้าสำหรับคนที่มีระบบการย่อยและดูดซึมไม่ค่อยดีช่วงตื่นนอนตอนเช้า ระบบการย่อยอาหารของเรา เพิ่งจะเริ่มทำงาน (หลังจากพักมาตลอดทั้งคืน) ให้ดื่มน้ำ หลังตื่นนอนทันที 1-2 แก้ว เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหาร พลังลมปราณที่ไหลผ่านเส้นลมปราณ กระเพาะอาหาร ม้าม สูงสุดในช่วง 07.00-09.00 น. และ 09.00 – 11.00 น. ตามลำดับ เราจึงควรกินอาหารเช้าที่มีลักษณะ ย่อยง่ายในช่วงเวลาดังกล่าว 2. กินเมื่อยังไม่รู้สึกหิว และหยุดเมื่อเริ่มอิ่มไม่ควรปล่อยให้หิวจัดเกินไป เพราะจะทำลายพลังของกระเพาะอาหาร และไม่ควรกินอาหารอิ่มเกินไป เพราะจะทำลายสมรรถภาพการย่อยและการดูดซึม ทำให้อาหารตกค้างเป็นของเสีย ควรหยุดกินอาหารเมื่อมีความอิ่ม ร้อยละ 70-80 3. อาหารมื้อเช้าต้องดี มื้อเที่ยงต้องอิ่ม มื้อเย็นต้องน้อยปริมาณอาหารมื้อเช้า ร้อยละ 30-40 มื้อเที่ยง ร้อยละ 40-50 มื้อเย็น ร้อยละ 20-30 4. ควรกินอาหารตามมื้อหลัก ตามเวลาอย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่า …

เปิด 5 เทคนิค การกินอาหารเพื่อสุขภาพ Read More »

ทำไมต้องมี? อาหารเสริมสุขภาพ

ร่างกายคนเราต้องการสารอาหารที่ได้สมดุล เพื่อสุขภาพที่ดี เพราะภาวะปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะคนเมือง) ได้รับอาหารประเภทไขมัน แป้ง เกลือ เนื้อสัตว์ทำให้ขาดเส้นใย ผัก ผลไม้ วิตามิน แร่ธาตุ ทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคอ้วน เบาหวาน โรคความเสื่อม นอกจากนี้อุปนิสัยและความเคยชินหลายอย่างก็มีผลต่อการขาดสารอาหาร คนที่ดื่มเหล้า เหล้า 1 กรัมทำให้ร่างกายเสียพลังงาน 7 แคลอรี โดยไม่ได้ให้คุณค่าของสารอาหารเลย  เหล้าทำให้ร่างกายสูญเสียวิตามินบี ซี สังกะสี แมกนีเซียม โพแทสเซียม เหล้าทำลายตับ ทำให้พิษสะสมในร่างกายมากขึ้น ทำให้เป็นโรคตับแข็งหรือโรคมะเร็งง่ายขึ้น คนสูบบุหรี่บุหรี่มีผลระคายเคืองต่อปอด เพิ่มความเสี่ยงของ โรคมะเร็งโดยตรงและทางอ้อม การสูบบุหรี่ทำให้ความต้องการสารอาหารพวกวิตามินบี12 กรดโฟลิก วิตามินซี และอี ซึ่งเป็นสารต้าน อนุมูลอิสระมากขึ้น เพราะต้องไปต่อสู้กับความเสื่อมของ เนื้อเยื่อ และการเพิ่มขึ้นของอนุมูลอิสระที่ทำลายเนื้อเยื่อ ต่างๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ยังพบว่าบีตาแคโรทีนในคนสูบบุหรี่จะต่ำกว่าคนทั่วไปอีกด้วย คนดื่มกาแฟ  ชาการดื่มกาแฟและชา โดยเฉพาะก่อนหรือหลังอาหาร ๑ ชั่วโมงจะมีผลลดการดูดซึมธาตุเหล็กถึงร้อยละ 80 การดื่มกาแฟปริมาณมากจะทำให้แคลเซียมถูกขับออกจากร่างกายมากขึ้น  ทำให้กระดูกพรุน การเตรียมอาหารการล้าง การปรุง การเก็บเกี่ยว …

ทำไมต้องมี? อาหารเสริมสุขภาพ Read More »

การศึกษาวิจัย อาหารและสมุนไพร เพื่อนำมารักษาโรค

สารพฤกษเคมี (phytochemical) ที่พบในผักและผลไม้ มีบทบาทในการป้องกันการเกิดโรคของร่างกาย โดยเฉพาะผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน แต่ก่อนจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ต้องผ่านขั้นตอนการศึกษาวิจัยเสียก่อน ตัวอย่างการศึกษาวิจัยอาหาร-สมุนไพร เพื่อนำมารักษาโรค1. มะระสารสกัดน้ำมะระมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด เชื่อว่าสารเพปไทด์ในมะระจะมีฤทธิ์เช่นเดียวกับอินซูลิน   การออกฤทธิ์คล้ายกับยา metformin (metfron) 2. อบเชยมีองค์ประกอบของไฮดรอกซี-ซาลโคน มีผลยับยั้ง เอนไซม์ ทำให้การยอมรับต่ออินซูลินของเซลล์ดีขึ้น 3. กระเทียมมีสารสำคัญคือ ajoere ยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด ป้องกันการอุดตันของเลือด 4. เจียวกู่หลาน (ชาสตูล หรือปัญจขันธ์)มีสารสำคัญคือ ไตรเทอร์พีน มีโครงสร้างคล้ายกับจินเซนโนไซด์ (พบในโสม) สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของหลอดเลือดและลดไขมันในเลือด 5. เห็ดหลินจือเห็ดหลินจือ (เห็ดหมื่นปี) ทางแพทย์จีนระบุว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้บำรุงร่างกาย ทำให้อายุยืน ช่วยนอนหลับ สารสำคัญคือ โพลีแซ็กคาไรด์ A B C D E G H และอื่นๆ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง กระตุ้นภูมิต้านทาน ลดการอักเสบและป้องกันอันตรายจากการฉายรังสี เป็นต้น 6. ถั่วเหลืองการศึกษาทางระบาดวิทยา พบว่า การกินผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองมีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งทั้งชนิดที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน และไปเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเป็นมะเร็งปอด ต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะอาหาร …

การศึกษาวิจัย อาหารและสมุนไพร เพื่อนำมารักษาโรค Read More »

ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อการดูแลหัวใจและหลอดเลือด

“ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีน CO-RED (โค-เรด)เกิดจากการบูรณาการประสบการณ์ทางคลินิก การค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์และเภสัชกรรมแผนปัจจุบันแผนจีน ผสานกับเทคโนโลยีตะวันตก ภายใต้การควบคุมการผลิตและระบบการจัดการบริหารคุณภาพระดับมาตรฐานสากล CO-RED (โค-เรด) จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้รักและใส่ใจการดูแลสุขภาพ” สรรพคุณ 3 in 1 เพื่อควบคุมไขมันในเลือดรวมทั้งการดูแลหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมไขมันในเลือด โคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว(LDL) เสริมพลังการทำงานของหัวใจ ด้วย Coenzyme Q 10 กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ป้องกันการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด ด้วยสารสกัดอาหารสมุนไพรที่มีการใช้กันมายาวนานและมีความปลอดภัยสูง  ทำไมต้อง CO-RED อะไรคือความแตกต่าง? สรรพคุณ 3 in 1 เพื่อควบคุมไขมันในเลือดรวมทั้งการดูแลหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมไขมันในเลือด โคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว(LDL) เสริมพลังการทำงานของหัวใจ ด้วย Coenzyme Q 10 กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ป้องกันการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด ด้วยสารสกัดอาหารสมุนไพรที่มีการใช้กันมายาวนานและมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงต่อตับและไต หรือการอักเสบของกล้ามเนื้อ สามารถใช้ในการควบคุมไขมันในเลือด แทนยากลุ่มStatin ในผู้ป่วยที่มีผลข้างเคียงจากยา ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ รวมถึงโรคสมองเสื่อม มีผลการวิจัยทางการแพทย์และประสบการณ์ในทางคลินิกยืนยันได้ผลจริง ใช้สารสกัดคุณภาพ ทันสมัย ปลอดภัย มาตรฐานยุโรปและตามข้อกำหนดของคณะกรรมการอาหารและยาของไทย ควบคุมการผลิตโดยโรงงานมาตรฐานของไทยที่ผลิตสินค้าให้ต่างประเทศ ผ่านการรับรองให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจาก อย. ของประเทศไทย มีส่วนผสมอาหารสมุนไพรจีนสกัดที่ป้องกันการเกาะตัวของเลือด กระตุ้นการไหลเวียนเลือดและช่วยระบบย่อยอาหาร เลือก Red yeast rice คุณภาพในกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานส่งออกยุโรป มีส่วนผสม Coenzyme Q 10 ในผลิตภัณฑ์ ควบคุมตรวจสอบระดับปริมาณ Citrinin และเชื้อราปนเปื้อนตามมาตรฐานสากล ข้อควรระวังในการบริโภค CO-RED 1. ผู้ป่วยโรคตับ2. ผู้ป่วยโรคไต3. สตรีตั้งครรภ์ สตรีระหว่างให้นมบุตร4. ห้ามรับประทานร่วมกับยาลดไขมันกลุ่ม Statin ยาต้านเชื้อรา ยากดภูมิคุ้มกัน ยารักษาโรคเอดส์5. คนที่แพ้เชื้อรา ใครบ้างที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ CO-RED   ผู้ป่วยที่มีไขมันในเลือดสูง รับประทานยาเคมีแล้วมีผลข้างเคียง   ผู้ป่วยที่ต้องการลดไขมันด้วยผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ   คนที่ต้องการดูแลหลอดเลือดให้สะอาด แข็งแรง ยืดหยุ่น   คนที่ต้องการป้องกันภาวะสมองเสื่อม โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง มีอะไรใน CO-RED Red Yeast …

ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อการดูแลหัวใจและหลอดเลือด Read More »

ภาวะลองโควิด ในมุมมองแพทย์แผนจีน

โรคโควิด-19 ในทางแพทย์แผนจีนตามทฤษฎี《温疫论》เรียกว่า อี้ปิ้ง “疫病” สิ่งก่อโรคคือ พิษร้อน และพิษชื้น เป็นหลัก (热毒和湿毒为主) พยาธิสภาพเกี่ยวข้องกับ ความชื้น ความร้อน พิษ เลือดคั่ง ความแห้ง เสมหะ ภาวะพร่อง เมื่อสิ่งก่อโรคพิษร้อนชื้น(ไวรัสโควิด-19) โจมตีจากภายนอกระดับเว่ย 卫 (ผิวภายนอก) เข้าสู่ระดับชี่ 气 (มีไข้ ปวดเมื่อยตัว) และสู่ระดับลึกอิ๋งเซวี่ย 营血 (เข้าสู่ปอดและอวัยวะภายใน) ที่ทำให้มีอาการปอดบวม(ปอดร้อนชื้น) เกิดลิ่มเลือดอุดตัน(เลือดคั่ง) เกิดอาการช็อค หมดสติ (พิษร้อนเข้าเยื่อหุ้มหัวใจ-หัวใจ) ผู้ป่วยระยะรุนแรงและภาวะวิกฤติ อาการของ Long COVID มาจากพื้นฐานภาวะร่างกายและความรุนแรงของโรค เมื่อได้รับเชื้อโควิด-19 บางคนอาจไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย บางคนอาจมีอาการหนักปานกลาง บางคนอาจมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต แพทย์แผนจีนมองว่ามาจากพื้นฐานภาวะร่างกายและเจิ้งชี่ (正气 พลังพื้นฐานของร่างกาย)ในการต่อสู้กับเสียชี่ (邪气 สิ่งก่อโรค)  ทำให้ผู้ป่วยมีหลายอาการและหลายอาการแสดงในลักษณะที่แตกต่างกัน ทำให้การรักษาผู้ป่วยมีการใช้แนวทาง หลักการ วิธีการ และตำรับยาที่ใช้รักษาแตกต่างกัน 1.  ลักษณะเบาหรือทั่วไป (轻型及普通型) …

ภาวะลองโควิด ในมุมมองแพทย์แผนจีน Read More »

รู้จัก ภาวะลองโควิด

หลายคนที่ติดเชื้อโควิด-19 และหายแล้ว แต่กลับพบว่า ร่างกายและจิตใจของตนเองไม่เหมือนเดิม บางคนอาจใช้ระยะเวลาหนึ่งฟื้นกลับมาได้ บางคนก็ฟื้นกลับมาไม่หมด แสดงให้เห็นว่า หลังจากหายจากโควิด-19 ผู้ป่วยยังต้องมีปัญหาที่ต้องติดตามแก้ไขและฟื้นฟูทางร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำจากการเจ็บป่วยให้ฟื้นกลับมาเร็วที่สุด Long COVID คืออะไร     ลองโควิด (Long COVID) หรือ Post Covid-19 Syndrome คือ ภาวะของคนที่หายจากโควิด-19 แล้วแต่ยังต้องเผชิญกับอาการที่หลงเหลืออยู่ แม้ว่าเชื้อโควิดหายจากร่างกายไปแล้ว แต่บางอาการกลับไม่หายไปด้วย หรืออาจจะเกิดมีอาการใหม่ ที่ไม่เคยเป็นระหว่างติดเชื้อ อาการของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่จะดีขึ้นภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ และมักจะหายขาดภายใน 12 สัปดาห์ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา เรียกอาการที่ยังพบหลังจากติดเชื้อไปแล้ว 4 สัปดาห์ว่าภาวะ ‘โพสต์โควิด’ (Post-COVID Conditions) หรือ Long COVID กล่าวโดยรวม ลองโควิด (Long COVID) เป็นภาวะหรืออาการที่เกิดขึ้นตามมากับผู้ป่วยโควิด-19 หลังจากได้รับเชื้อนาน 4 สัปดาห์ไปจนถึง 12 สัปดาห์ขึ้นไป   อาการลองโควิดจะมีอาการแตกต่างกันไปในแต่ละคน เป็นอาการที่ไม่มีลักษณะตายตัว สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย ตั้งแต่ระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร หัวใจและหลอดเลือด ทำให้ผู้ที่หายป่วยบางรายยังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเดิม อาการลองโควิดLong COVID มีโอกาสเกิดขึ้นได้ 30-50% จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 …

รู้จัก ภาวะลองโควิด Read More »

เทคนิคเชื่อมประสาน หัวใจกับไต

หัวใจกับไต เป็นอวัยวะที่มีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นถ้าต้องการรักษาความสัมพันธ์ของชีวิตและรากฐานของไตให้แข็งแรง จำเป็นต้องปรับสมดุลระหว่างหัวใจกับไต โดยทำให้หัวใจและไตทำงานเชื่อมประสานกัน เทคนิคง่ายๆ ในการเชื่อมประสาน หัวใจ กับ ไต 1. การนอนหลับในช่วงเวลา 23.00 – 1.00 น.(子时睡觉) การนอนหลับในช่วงเวลานี้  ซึ่งเป็นช่วงที่พลังยินมากที่สุด  จะเป็นการเสริมธาตุน้ำ และควบคุมธาตุไฟ (หัวใจ) ไม่ให้มากเกินไป  ถ้าไม่นอนหลับในช่วงเวลานี้  พลังงานหยางจะไม่ถูกควบคุม   เมื่อเลยเวลาเที่ยงคืนไปมากเท่าไร  การควบคุมพลังหยางก็ยิ่งจะยากขึ้น ขณะเดียวกันการเสริมพลังยิน (พลังไต – ธาตุน้ำ) ก็ไม่สมบูรณ์ ทำให้น้ำกับไฟแยกตัวได้ง่าย ไฟจะสะสมอยู่ด้านบน, น้ำจะสะสมอยู่ด้านล่างดังนั้นการครุ่นคิด, การทำงานกลางดึก, อยู่เวรดึก, ดูหนังดึกๆ ไม่นอนหลับตอนกลางคืน  จึงเป็นการทำลายความสมดุลของไตและหัวใจ 2. การงีบหลับสั้นๆตอนกลางวัน ช่วง 11.00 – 13.00 น.(午时要小睡) ช่วงเวลานี้เป็นช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงจากพลังหยางสูงสุดเป็นจุดเริ่มต้นพลังยิน (หลังเที่ยงวันความเย็นความมืดเริ่มเข้าแทนที่ความร้อนความสว่าง)ช่วงเวลาดังกล่าว พลังหยางของร่างกายจะกระจายตัวออกนอกขึ้นบนมากที่สุด วิธีป้องกันการสูญเสียพลังคือการยับยั้งพลังไม่ให้ถูกใช้ต่อเนื่องมากเกินไป  ยังเป็นการสงบพลังขึ้นด้านบนและทะนุถนอมการสูญเสียยิน (ความเย็นของร่างกาย) ไปในเวลาเดียวกัน  จึงเป็นช่วงเวลาของการเสริมยินลดการสูญเสียพลังหยางที่สำคัญอีกช่วงเวลาหนึ่ง การปิดตา  …

เทคนิคเชื่อมประสาน หัวใจกับไต Read More »

ความสัมพันธ์ระหว่างม้ามกับตับ และม้ามกับไต

ความสัมพันธ์ระหว่างม้ามกับตับ ตับมีหน้าที่เก็บเลือด(肝藏血) กับ หน้าที่ในการขับระบาย (肝主疏泄)เป็นหน้าที่ของตับที่ตรงข้ามขัดแย้งกันและควบคุมซึ่งกันและกัน ม้ามมีหน้าที่ควบคุมการขับเคลื่อนลำเลียง(脾主运化) ควบคุมการสร้างเลือดและให้เลือดไหลเวียนอยู่ภายในหลอดเลือด(脾生血统血) อาหารที่ย่อยแล้ว ทางสรีระแผนปัจจุบันจะดูดซึมลำเลียงจากผนังลำไส้เล็กเข้าสู่หลอดเลือดดำ ไปที่ตับ ตับทำหน้าที่สะสมสารอาหารต่าง ๆ เอาไว้ใช้เมื่อร่างกายต้องการ ตับเป็นโรงงานผลิตพลังงานให้ร่างกาย โดยสลายสารอาหารให้ร่างกาย การย่อยดูดซึมลำเลียงสารอาหารที่ดี(อวัยวะม้ามทำงานดี) จะทำให้ตับสะสมวัตถุดิบหรือพลังงานสำรองไว้ใช้ได้มากพอ มีพลังขับเคลื่อนการทำงานของม้ามกระเพาะอาหาร รวมทั้งสามารถสร้างน้ำดีเพื่อใช้ช่วยการย่อยอาหารไขมัน ถ้าการระบายและการเก็บเลือดของตับ(การสะสมสารอาหารพลังงานสำรอง)ไม่ดี จะส่งผลให้การทำงานของม้ามไม่ดีด้วย การเก็บกักเลือดที่มากพอจะทำให้เกิดการระบายเลือดเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้า(รวมถึงการขับน้ำดี)ได้ดี การย่อยดูดซึมก็ดีด้วย การเก็บกักเลือดน้อยทำให้การขับระบายเลือดเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้า(รวมถึงการขับน้ำดี)ก็น้อย การย่อยดูดซึมก็ไม่ดี การระบายพลังตับที่น้อย(ตับอุดกั้น)ทำให้เลือดไม่ไหลเวียน การนำเลือดใหม่เข้าสู่ตับก็ลดน้อยลง การระบายเลือดเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่มากเกินจะทำให้การเก็บกักเลือดน้อยลงเช่นกัน ม้ามสร้างเลือด ตับเก็บเลือด ตับช่วยการย่อยดูดซึมลำเลียงของม้าม การทำงานของตับผิดปกติ จะมีอาการของทางเดินอาหารโดยเฉพาะกระเพาะอาหารและม้าม ความสัมพันธ์ระหว่าง ม้ามกับไต ม้าม  เปรียบเสมือนมารดาของอวัยวะภายในทั้ง 5 (脾为五脏之母) เปรียบเสมือนเป็นทุนที่มาหลังกำเนิด (后天之本)ในขณะที่ไต เปรียบเสมือนรากฐานของร่างกาย  เปรียบเสมือนเป็นทุนที่มาแต่กำเนิด(先天之本) คนโบราณใช้จุดฝังเข็ม  4  จุด   ในการเพิ่มพลังม้ามและเสริมพลังไต   คือ จุด จงหว่าน(中脘穴)  จุดกวนหยวน(关元穴)จุดมิ่งเหมิน(命门穴)จุดจู๋ซานหลี่ (足三里) จะเห็นว่าจุดเหล่านี้อยู่บริเวณส่วนท้อง , ส่วนเท้า …

ความสัมพันธ์ระหว่างม้ามกับตับ และม้ามกับไต Read More »

ระบบย่อยและดูดซึมอาหาร ในมุมแพทย์แผนจีน

สำหรับระบบย่อยและดูดซึมอาหาร แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญของการทำหน้าที่ร่วมกันของอวัยวะม้ามและกระเพาะอาหาร โดยกระเพาะอาหารทำหน้าที่รับและย่อยอาหารและส่งไปลำไส้เล็กเพื่อย่อยจนได้สารจำเป็น และแยกแยะอาหารที่ถูกย่อยแล้วในสิ่งที่ดี (ใช้ได้) กับสิ่งที่ข้น (ใช้ไม่ได้) ส่วนดีจะถูกส่งไปที่ม้าม ม้ามทำหน้าที่ลำเลียงสารจำเป็นนี้ไปใช้ทั่วร่างกาย ส่วนลำไส้ใหญ่ทำหน้าขับอุจจาระและควบคุมการดูดซึมกลับของน้ำ กระเพาะอาหาร เป็นอวัยวะที่ไม่ชอบความแห้งชอบความชื้น(恶燥喜润) ไม่ชอบร้อนชอบความเย็น(恶热喜凉) ไม่ชอบการสะสมแต่ชอบการระบายลงล่าง(恶积喜降) ตรงข้ามกับการทำหน้าที่ของม้าม หน้าที่สำคัญของกระเพาะอาหารมี 3 อย่างคือ รองรับอาหารและน้ำ (主受纳) เสมือนขุนนางที่ทำหน้าที่ดูแลเก็บกักอาหารเสบียงกัง (仓廪之官,主纳水谷) เป็นที่เก็บอาหารที่ผ่านการเคี้ยวในปาก และเดินทางผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหารจึงเป็นเสมือนทะเลของน้ำและอาหารที่รับประทานเข้าไป 胃为“水谷之海”ถ้าลมปราณกระเพาะอาหารจะทำให้เก็บกักอาหารเพื่อทำการย่อยเบื้องต้นได้ดี มีความอยากอาหาร ทานอาหารได้มาก การย่อยอาหาร กระเพาะอาหารทำหน้าที่ย่อยอาหารในระดับต้นๆ (腐熟水谷) เพื่อให้มีขนาดเล็กลงแล้วส่งไปย่อยต่อที่ลำไส้เล็ก ควบคุมการไหลลงของพลังสู่ด้านล่างในการขับเคลื่อนอาหารและการขับถ่ายอุจจาระ เพื่อการย่อยที่ลำไส้เล็กและการขับถ่ายที่ลำไส้ใหญ่ เป็นการสร้างสมดุลของพลังแกนกลางของร่างกาย โดยทำงานคู่กับพลังของม้ามที่มีทิศทางขึ้นบนเพื่อส่งลำเลียงสารจำเป็นไปอวัยวะปอด ม้าม ม้ามถือเป็นต้นกำเนิดของแรงขับเคลื่อนชีวิต โบราณกล่าวว่า “ม้ามและกระเพาะอาหารเป็นรากฐานของชีวิตหลังกำเนิด” 故称脾胃为“后天之本” ทำหน้าที่ควบคุมเลือด พลังลมปราณ ม้ามเป็นธาตุดินมีความเชื่อมโยงกับกระเพาะอาหาร กล้ามเนื้อ ริมฝีปากและปาก ตำราแพทย์จีนโบราณได้บันทึกรูปร่างของม้าม มีลักษณะโค้งแบนเหมือนเคียว คล้ายกายวิภาคของตับอ่อนในแผนปัจจุบัน ม้ามในความหมายแพทย์แผนจีนมีหน้าที่ในการควบคุมเลือด สร้างน้ำย่อยในการย่อยอาหาร การดูดซึม ลำเลียงอาหาร อวัยวะม้ามจึงมีหมายถึงครอบคลุมถึงม้ามและตับอ่อน รวมถึงลำไส้เล็กด้วย …

ระบบย่อยและดูดซึมอาหาร ในมุมแพทย์แผนจีน Read More »

โรคอัมพาตใบหน้า

หากมองปัญหาของโรคอัมพาตใบหน้า เราสามารถเปรียบเทียบระหว่างการแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนจีนได้ ดังนี้ 1. สาเหตุการเกิดโรคอัมพาตใบหน้า ที่ส่งผลให้เส้นประสาทคู่ที่ 7 อักเสบหรือบวม แพทย์แผนปัจจุบัน ให้ความสนใจไปที่การติดเชื้อไวรัส และกล่าวถึงปัจจัยที่เอื้ออำนวยให้เกิดจากภาวะการกระทบความเย็นและตากลม ความเครียดทางอารมณ์ คนที่มีความดันโลหิตสูง เบาหวานหรือบาดเจ็บบนใบหน้าในขณะที่ การเปี้ยนเจิ้งของแพทย์จีน เน้นไปที่ปัจจัยภายใน พื้นฐานร่างกาย บางคนเลือดพลังพร่อง บางคนยินพร่อง หยางแกร่ง (คล้ายกับความดันโลหิตสูง) บางคนเสมหะภายในมาก ระบบการย่อยไม่ดี หรือมีเสมหะสะสมภายในนานๆ (คล้ายกับภาวะไขมันในเลือดสูง) หรือคนที่บาดเจ็บบริเวณใบหน้า (ซึ่งทำให้เส้นลมปราณหยางหมิงถูกกระทบกระเทือนเป็นพื้นฐานอยู่ก่อน)นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอกที่มากระทบ แพทย์จีนโบราณ ไม่มีคำว่า ไวรัส รู้จักแค่การเปลี่ยนแปลงของอากาศที่มากระทบต่อร่างกายบริเวณใบหน้า จำแนกตามอาการอัมพาตว่ามีลักษณะหน้า ปวด หย่อน ร้อน ว่าเป็นปัจจัยชนิดไหนมากระทบ แล้วทำการใช้ยาขับปัจจัยก่อโรคเหล่านั้นออกไป 2. การรักษาแผนปัจจุบัน มุ่งไปที่รักษาเพื่อลดอาการบวมและการอักเสบของเส้นประสาทคู่ที่ 7 โดยตรง ระยะเริ่มแรกให้ยาเพร็ดนิโซโลนขนาดสูง และลดขนาดลง ยาต้านไวรัสพิจารณาเป็นรายๆ ไป และปล่อยให้ร่างกายหายเองแผนจีน แบ่งแยกลักษณะอัมพาตตามสภาพพื้นฐานสมดุลของร่างกาย และปัจจัยที่ก่อโรค รักษาพื้นฐานร่างกายควบคู่กับการขับปัจจัยก่อโรค เน้นสร้างสมดุลให้ร่างกายฟื้นตัวได้ด้วยตัวเองการฝังเข็ม ด้านหนึ่งเน้นเลือกจุดบนเส้นลมปราณหยางหมิงที่หล่อเลี้ยงบริเวณใบหน้า อีกด้านหนึ่งเน้นการขับลมจากภายนอกและปรับลมภายใน เช่น จุดเหอกู่ (合谷) จุดเฟิงฉือ (风池) หรือดึงพลังหยางลงล่าง เช่น …

โรคอัมพาตใบหน้า Read More »